บมจ.ชัยวัฒนาแทนเนอรี่ กรุ๊ป(CWT)ผู้ผลิตเบาะหนังรถยนต์ ปรับกลยุทธเพื่อความอยู่รอดหันเน้นเบาะหนังเฟอร์นิเจอร์ส่งออก หลังออร์เดอร์เบาะหนังรถยนต์ลดฮวบตามภาวะวิกฤติโลก ดับฝันปีนี้พลิกมีกำไร ส่วนปีหน้ายังรอภาพชัดเจนต้นปี เดินหน้าเจรจาลูกค้าใหม่จากจีนและลุ้นออร์เดอร์เพิ่มจากลูกค้าเดิมในมาเลเซีย
นายวีระพล ไชยธีรัตต์ กรรมการผู้จัดการ CWT เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ภาวะอุตสาหกรรมยานยนต์โดยรวมที่ชะลอตัวส่งผลต่อการผลิตเบาะหนังรถยนต์ที่เป็นผลิตภัณฑ์หลัก โดยปริมาณงานลดลงประมาณ 15% นับจากนี้จนถึงไตรมาส 1/52 ทำให้คาดว่ารายได้ปีนี้จะไม่เติบโตจากปีก่อนที่มีรายได้ราว 1,000 ล้านบาท
"คือกำลังจะชนะอยู่แล้ว พออุตสาหกรรมยานยนต์หดตัวก็เลยปริ่ม ๆ อยู่ ทั้งปีก็ยังไม่น่าจะเป็นกำไร สถานการณ์แบบนี้พอจะคาดเดาได้ แค่ประคองตัวให้ได้ก็ดีแล้ว...ส่วนจะล้างขาดทุนสะสมได้หมดเมื่อไร ก็คงจะต้องไปสู้อย่างอื่นอาจจะต้องเปลี่ยนกลยุทธ์ไป" นายวีระพล กล่าว
นายวีระพล กล่าวว่า บริษัทมองวาปีหน้ารายได้จากการผลิตเบาะหนังรถยนต์คงจะลดลง ลูกค้ารายใหญ่ คือ ฮอนด้า มีคำสั่งซื้อต่อปี ประมาณ 200 ล้านบาท รองลงมาเป็นโตโยต้า โดยบริษัทจะพยายามหาตลาดอื่นเข้ามาทดแทน เช่น ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์และอื่น ๆ และรับช่วงผลิตให้กับต่างประเทศ
บริษัทจะเน้นการเพิ่มสัดส่วนงานเฟอร์นิเจอร์หนังเพื่อส่งออก จากปัจจุบันที่มีสัดส่วน 20-25% เพื่อทดแทนตลาดส่งออกเบาะหนังรถยนต์ที่หายไป โดยจะพยายามเพิ่มงานเข้ามาทดแทนการผลิตที่หายไปได้ทั้งหมด เพื่อให้บริษัทสามารถเดินเครื่องผลิตเต็มกำลัง
ทั้งนี้ ตลาดเฟอร์นิเจอร์หนังส่วนใหญ่จะส่งออกไปขายให้กับลูกค้าในยุโรปและสหรัฐ เป็นเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้าน เช่น ชุดปรับเบาะ ปรับเอนนอนได้ เป็นเครื่องหนังที่ใช้ในบ้าน มาร์จินสามารถมาทดแทนกันได้
*คาดปีนี้ยังแบกขาดทุน รอลุ้นลูกค้าใหม่ประเมินภาพปี 52
นายวีระพล คาดว่า ผลประกอบการปีนี้จะยังขาดทุนอยู่ แม้ว่าไตรมาส 4/51 คาดว่าจะเสมอตัว ซึ่งถือว่าดีกว่าเมื่อเทียบกับไตรมาส 3/51 ที่ขาดทุน 13 ล้านบาท หรือหากขาดทุนก็คงเป็นระดับที่น้อยมาก แต่ทั้งปี 51 ก็คาดว่าจะยังขาดทุน
สำหรับแนวโน้มในปี 52 คงต้องรอภาพชัดเจนก่อนเนื่องจากขณะนี้ยังได้รับข้อมูลเป็นช่วงๆ เท่าที่เห็นออร์เดอร์จากด้านอุตสาหกรรมรถยนต์ลดลงแล้ว และยังมีข่าวว่าบริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส(GM)และไครสเลอร์ สองค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของสหรัฐมีปัญหาสถานะทางการเงินอย่างมาก ซึ่งในส่วน GM มีผลิตให้บ้างแต่ไม่มากนัก โดยป้อนให้กับรถเชฟโรเลต 2 รุ่น ส่วนที่เหลือเป็นส่งออกญี่ปุ่นในสัดส่วน 70%
นายวีระพล กล่าวว่า บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจาลูกค้าใหม่ในจีน ซึ่งโอกาสค่อนข้างเปิดกว้างหลังจากผู้ผลิตในจีนลดกำลังการผลิตในส่วนของเบาะหนังไป จึงน่าจะทำให้ฝ่ายไทยได้ประโยชน์มากขึ้น แมว่างานอาจจะกระจัดกระจายหลายๆ รายรวมกันแต่ก็น่าจะมีมูลค่าร่วม 100 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีความหวังว่าลูกค้าเดิมในมาเลเซียจะส่งออเดอร์ให้เพิ่มขึ้น เนื่องจากปัจจุบันมาเลเซียส่งรถยนต์เข้ามาในบ้านเรามากขึ้น
"ปีหน้าเราจะต้องเน้นส่งออกมากขึ้น ประมาณต้นปีหน้าจะเริ่มมีออเดอร์ที่ชัดเจนขึ้น ตอนนี้ได้แต่ประคองของเดิมไปก่อน นับจากนี้ไปถึงไตรมาส 1 ของปีหน้าต้องระมัดระวังตัวอย่างมาก และวิ่งหางานส่งออกมากขึ้นและงานที่มาเลเซีย" นายวีระพล กล่าว
ส่วนลูกค้าจากเกาหลีที่รับผลิตหนังที่ฟอกแล้วหรือหนังครัสต์ หรือ หนังครัสต์สีนั้น เนื่องจากอิงจากตลาดส่งออกสหรัฐอเมริกาก็ส่งผลกระทบด้วย ก็คงต้องดูสถานการณ์อีกที แต่ตอนนี้ยังคงออร์เดอร์ตามเดิมที่ 2 หมื่นตัวต่อเดือนเพราะเป็นของที่ต่อเนื่องมา เพียงแต่ต้นปีหน้าหากเศรษฐกิจสหรัฐยังไม่ฟื้นในระยะยาวก็ยังไม่รู้ว่าจะต้องเตรียมตัวหรือหดตัวกันอย่างไร
"ตอนนี้ยังมีงานต่อเนื่องอยู่ ส่วนปีหน้าต้องดูตลาดรวมอีกที โดยกำลังการผลิตของเราที่ผลิตอยู่ปัจจุบันก็พอๆ กับปีที่แล้วที่ยอดขายประมาณ 1,000 ล้านบาท"นายวีระพล กล่าว