HEMRAJ มั่นใจรายได้-ยอดขายที่ดินปีนี้ได้ตามเป้า ส่วนปี 52 เน้นตั้งรับ

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday December 17, 2008 14:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.เหมราชพัฒนาที่ดิน(HEMRAJ)มั่นใจรายได้ปีนี้เป็นไปตามเป้าหมายเติยโตราว 15% จากปีก่อนที่มีรายได้ 5 พันล้านบาท จากยอดขายที่ดินราว 1,700 ไร่ แม้ปี 52 ยังไม่สามารถประเมินได้ แต่ก็ไม่เห็นแนวโน้มลูกค้ารายใดในนิคมอุตสาหกรรมปิดกิจการ ขอสงวนท่าทีไม่แสดงความเห็นกรณีที่โบรกเกอร์มองปีหน้าอาจจะลดเป้ายอดขายลงเหลือ 800 กว่าไร่ตามสภาพเศรษฐกิจโดยรวม ระบุแค่จะเน้นแนวทางการควบคุมค่าใช้จ่ายและการลงทุน

นายเผ่าพิทยา สมุทรกลิน ผู้อำนวยการฝ่ายลงทุนสัมพันธ์และวางแผน HEMRAJ เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์" ว่า ในปีนี้บริษัทฯไม่ถูกผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ส่วนปีหน้ากลยุทธ์ของเราก็คือระมัดระวังการใช้จ่าย การลงทุน แต่ในเรื่องของรายได้หรือยอดขายในปีหน้า ตอนนี้ไม่มีใครบอกได้

"ปีหน้ามีบริษัทไหนในตลาดที่ตั้งเป้าว่าโต คงไม่มีใครกล้า ผมเชื่อว่าเป็นเช่นนี้ทุกบริษัท แต่ทุกคนรับรองว่าเป็น Defensive"นายเผ่าพิทยา กล่าว

สำหรับ HEMRAJ เลือกใช้แนวทางการระมัดระวังด้านค่าใช้จ่ายและการลงทุน แม้ปีนี้จะยังไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ยอดขายที่ดินยังคาดว่าจะเป็นไปตามเป้าและรายได้น่าจะเป็นไปตามคาดไว้ และยังไม่มีผู้ประกอบการรายใดในนิคมอุตสาหกรรมทั้ง 4 แห่งที่บริษัทบริหารอยู่ปิดดำเนินการจากผลกระทบเศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้รายได้ค่าบริการด้านสาธารณูปโภคไม่ได้ปรับลดลง แต่ก็ยอมรับว่าปีหน้ายังไม่สามารถประเมินได้

"ยอดขายที่ดินในนิคมฯ ปีนี้ที่ 1,700 ไร่น่าจะยังเป็นเป้าหมายเดิมอยู่ ไม่ได้ปรับลดลง และรายได้น่าจะเป็นไปตามที่คาดไว้ตั้งแต่ต้นปีที่จะเติบโต 15% จากปีก่อนที่ 5,000 กว่าล้านบาท ก็บวกไปอีก 15% เป็น 5,000 แก่ๆ" นายเผ่าพิทยา กล่าว
ผลประกอบการปีนี้ทั้งปีก็ยังดีอยู่ โดยช่วง 9 เดือนแรกที่ผ่านมามีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,265 ล้านบาท และเพิ่งมีการจ่ายเงินปันผลสำหรับงวดครึ่งปีแรกไปเมื่อต้นเดือนนี้ในอัตรา 0.035 บาทต่อหุ้น ส่วนปันผลทั้งปีรอประชุมผู้ถิอหุ้นเดือนเม.ย.52 ก่อน หากมีกำไรก็จะจ่ายได้ตามนโยบายปกติ
"ปีนี้ค่อนข้างโอเคมาก ค่อนข้างดี ในเรื่องของรายได้ ปีนี้ Budget เสร็จหมดแล้วกำลังรวบรวมเสนอผู้บริหารอยู่"นายเผ่าพิทยา กล่าว

นายเผ่าพิทยา กล่าวถึงกรณีที่มีโบรกเกอร์บางรายประเมินว่า HEMRAJ จะปรับลดยอดขายพื้นที่ในนิคมฯ ในปี 52-53 ลงเหลือเพียง 800 และ 845 ไร่ให้สอดคล้องกับแนวโน้มการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ(FDI)ที่ลดลงว่าเรื่องดังกล่าวคงต้องรอให้ MD เป็นผู้แถลงเอง

แม้ว่าอุตสาหกรรมยานยนต์จะชะลอตัวหลังจากค่ายบิ๊กทรีของสหรัฐใกล้ภาวะล้มละลายนั้น (ค่ายรถยนต์ GM เป็นลูกค้าที่ตั้งโรงงานผลิตชิ้นส่วนยานยนต์อยู่ในนิคมฯเหมราชด้วย)นายพิทยา กล่าวว่า ยังไม่อยากให้คอมเม้นท์ของเศรษฐกิจปีหน้า ขอรอดูก่อนเพราะปีนี้ข่าวร้ายออกมาเยอะมาก เห็นข่าวทุกวันก็ไม่สบายใจจึงยังไม่อยากให้ความเห็นในปีหน้า

"GM มีโรงงานในนิคมฯเรา แต่ไม่กล้าคอมเม้นท์ในส่วนของลูกค้า ปีหน้าจะเป็นอย่างไรยังไม่มีใครแจ้ง"

นิคมฯเหมราชมีอุตสาหกรรมประมาณ 10 กว่ากลุ่ม เช่น ยานยนต์ ปิโตรเคมี วัสดุก่อสร้าง คอนซูมเมอร์ อุปโภคบริโภค ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และอีกหลายกลุ่มอุตฯกระจายความเสี่ยงกันไป ซึ่งอุตสาหกรรมยานยนต์คิดเป็นประมาณ 1 ใน 3 โดยมีลูกค้าค่ายยานยนต์ขนาดใหญ่ คือ GM,Ford, Mazda และ Chevrolet ตั้งอยู่

นายเผ่าพิทยา กล่าวอีกว่า การรับรู้รายได้จากโครงการคอนโดมิเนียม The Park ที่ยังเหลือขายอีกนั้นจะรับรู้ฯ ครบทั้งหมดในปี 52 โดยทยอยรับรู้ไปเรื่อย ๆ ปีหน้าน่าจะได้อีกประมาณ 1,000 กว่าล้านบาท ส่วนปีนี้ไม่มาก



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ