ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (18 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับข่าวที่ว่า บารัค โอบามา ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐเตรียมเสนอให้มีการใช้แผนกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 8.50 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยลดผลกระทบจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มโลหะ
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ปิดบวก 6.47 จุด แตะระดับ 4,330.66 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 4,282.60-4,352.68 จุด
ริชาร์ด ฮันเตอร์ นักวิเคราะห์จาก ฮาร์เกรฟส์ แลนส์ดาวน์ สต็อกโบรกเกอร์ส กล่าวว่า ในช่วงเช้านั้นตลาดหุ้นลอนดอนร่วงลงเนื่องจากนักลงทุนกระหน่ำขายหุ้นกลุ่มโลหะ หลังจากนายแกรห์ม เบิร์ช นักวิเคราะห์จากแบล็คร็อค อินเวสเมนท์ เมเนจเมนท์ คาดการณ์ว่า บริษัทเหมืองเหมืองแร่ยักษ์ใหญ่ของโลกจะลดการลงทุนลงอีกราว 2 แสนล้านดอลลาร์ เนื่องจากราคาโลหะในตลาดโลกตกต่ำลง, ความต้องการจากโรงงานผลิตโลหะลดน้อยลง และการระดมทุนในโครงการใหม่ๆเป็นไปอย่างยากลำบาก
"บริษัท แองโกล อเมริกัน ซึ่งเป็นผู้ผลิตพลาตินัมรายใหญ่ของโลก ประกาศลดการผลิตลงกว่าครึ่งหนึ่ง รวมถึงลดขนาดโครงการมูลค่า 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่ริโอทินโต บริษัทเหมืองรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก เตรียมลดการลงทุนลง 5 พันล้านดอลลาร์ เราคาดว่าอุตสาหกรรมเหมืองแร่ของโลกจะลดการลงทุนลงครั้งใหญ่สุดเป็นประวัติการณ์ และคาดว่าบริษัทเหมืองแร่จะพับโครงการที่ยังไม่ได้เริ่มต้นเอาไว้ก่อน" เบิร์ชกล่าว
แต่ตลาดเริ่มดีดตัวขึ้นสู่แดนบวกในช่วงบ่าย จากข่าวที่ว่าโอบามาเตรียมเสนอสภาคองเกรสให้อนุมัติแผนกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 8.50 แสนล้านดอลลาร์หรือมากกว่า
ทั้งนี้ หุ้นแกล็คโซสมิธไคลน์ และหุ้นยูนิลิเวอร์ พุ่งขึ้นกว่า 2% ขณะทีหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน และหุ้นแองโกล อเมริกัน ร่วงลงกว่า 3% หลังจากราคาทองแดงดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปี
หุ้นธนาคาร HSBC ดิ่งลง 7% ซึ่งเป็นการร่วงลงติดต่อกัน 6 วันนับตั้งแต่มีข่าวว่า ธนาคาร HSBC ได้รับความเสียหายเป็นวง เงินสูงถึง 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการถูกหลอกลวงให้เข้าลงทุนในแชร์ลูกโซ่ของมาดอฟฟ์ อดีตประธานกรรมการตลาดนาสแดค ซึ่งนอกเหนือจาก HSBC แล้ว ยังมีธนาคารบีเอ็นพี พาริบาส์, โนมูระ โฮลดิ้งส์ และสถาบันการเงินรายอื่นๆที่ได้รับความเสียหายเช่นกัน