นายสมหมาย เตชะศิรินุกูล รองกรรมการผู้จัดการบริหาร สายงานอาหารแปรรูปสัตว์น้ำ บมจ. เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) กล่าว ในปีหน้าบริษัทมีแผนที่จะเพิ่มสัดส่วนส่งออกไปตลาดญี่ปุ่นเพิ่มเป็น 33% จากปัจจุบันอยู่ที่ 30% เพราะยังมีความต้องการสูง ส่วนยุโรปอยู่ที่ 45% ซึ่งราคาสองตลาดช้างต้นยังดีอยู่ สำหรับยอดส่งออกไปสหรัฐ แม้ว่าจะลดลงเล็กน้อยคงไม่เป็นไร
รวมทั้ง การมองหาตลาดใหม่ เพื่อเพิ่มยอดขาย เพื่อรองรับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวไว้ ซึ่งที่ผ่านมาได้ไปส่งออกไปที่ยูเครนและโปรตุเกส อีกทั้งยังมีสาขา 18 ประเทศ ตรงนี้จะทำให้สามารถวางแผนการตลาดได้อย่างทั่วถึง และเชื่อว่าการแข่งขันในปีหน้าก็จะรุนแรงเหมือนกัน จึงทำให้บริษัทจะมีการลงทุนแต่จะเป็นการลงทุนในการปรับปรุงเครื่องจักร เพื่อเพิ่ม Activity และหาแนวทางลดต้นทุนให้ได้ 10-15%
"ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างวางแผนงานในปี 52 ว่าจะมีวิธีหรือแนวทางอย่างไรท่ามกลางปัญหาเศรษฐกิจที่ชะลอตัว เพราะบริษัทมีความกังวลเหมือนกันว่าหากตลาดต่างประเทศ ไม่ว่าญี่ปุ่น ยุโรป และสหรัฐถดถอยจะทำอย่างไร" นายสมหมาย กล่าว
ในปี 52 CPF คาดว่า ปริมาณยอดขายกุ้งมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น 5-10% เมื่อเทียบกับปี 51 ที่วอลุ่มอยู่ที่ 15% หรือ 40,000 ตันต่อปี ตามพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปที่ยังคงมีความต้องการอยู่แต่เลือกซื้อผลิตภัณฑ์ในขนาดที่เล็กลง และจากผลดังกล่าวจะทำให้มูลค่าลดลง 15%
ปัจจุบัน สัดส่วนการส่งออก แบ่งเป็นกุ้งสด 40% และกุ้งแปรรูป 60% ซึ่งบริษัทยังคงเน้นความสำคัญที่กุ้งแปรรูป เนื่องจากมาร์จื้นสูง
นอกจากนี้ ยังอยากฝากรัฐบาลใหม่ให้ความสำคัญถึงภาคเกษตรกรมากขึ้นและอยากให้กำหนดออกมาเป็นวาระแห่งชาติเนื่องจากปัจจุบันไทยเป็นผู้ส่งออกกุ้งอันดับหนึ่งของโลก