นายศุภชับ เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานคณะผู้บริหาร บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) กล่าวว่า การเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นจำนวน 1 หมื่นล้านหุ้นในครั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะได้เงิน 1.95 หมื่นล้านบาท จะเพียงพอต่อการลงทุน การคืนหนี้ และการดำเนินงานภายใน 2 ปี รวมถึงการลงทุนใน 3G โดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุนอีก แต่หากผู้ถือหุ้นรายย่อยไม่ซื้อหุ้นตามสัดส่วน ทางเครือซีพีก็สามารถเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนเกินสัดส่วนถือได้
"การที่ซีพีจะใช้สิทธิในส่วนเกินหรือไม่ ผมก็ไม่สามารถยืนยันได้ แต่เท่าที่เพิ่มทุนเป็นเงินถึง 5.2 พันล่านบาท ถือว่าดีมากแล้ว สำหรับบริษัท แต่ก็หวังว่ารายย่อยที่มาประชุมวันนี้ก็ให้การตอบรับที่ดี และเชื่อว่ารายย่อยจะจองซื้อ เพราะอนาคต หากมีสภาพคล่องเข้าไปเสริม บริษัทก็จะดีขึ้น"นายศุภชัย กล่าว
แต่ก็ยอมรับว่ามีความกังวลหากคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) มีการเปิดประมูลคลื่นความถี่ 2.1 กิกกะเฮิร์ซ ซึ่งเปิดกว้างให้โอเปอเรเตอร์ทั้งในและต่างประเทศเข้าร่วมประมูลจะทำให้การแข่งขันสูงมาก และ TRUE อาจจะต้องจำเป็นที่จะต้องใช้เงินทุนมากในการเข้าประมูลด้วย
อย่างไรก็ตาม บริษัทเห็นว่า ยังมีแนวทางที่จะหาเงินลงทุนเพิ่ม โดยการแบ่งขายหุ้นบริษัท ทรูมูฟ จำกัดที่บริษัทถืออยู่ 100% ให้กับพันธมิตรรายอื่นได้ร่วมทุน
ในวันนี้ที่ประชุมผู้ถือหุ้น TRUE ได้อนุมัติแผนเพิ่มทุนตามที่คณะกรรมการบริษัทนำเสนอให้ขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ต่อผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น(RO)จำนวนทั้งสิ้นไม่เกิน 1 หมื่นล้านหุ้น เสนอขายราคาหุ้นละ 1.95 บาท เพื่อนำไปขยายงานและลดภาระหนี้
ตัวแทนจากบริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์(ซีพี) ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ กล่าวยืนยันว่า บริษัทใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนตามสัดส่วนถือหุ้น อยู่ 27.6% เพราะเห็นว่าการเพิ่มทุนครั้งนี้จะช่วยให้มีสภาพคล่องดีขึ้น ลดภาระดอกเบี้ยและนำไปขยายการลงทุนใหม่
นายศุภชัย กล่าวยอมรับว่า ราคาหุ้นเพิ่มทุนสูงกว่ากระดาน ณ ปัจจุบัน แต่มองว่าอยู่ในระดับเหมาะสมตามการคำนวณก่อนวันประชุมบอร์ด ราคาหุ้นขณะนั้นอยู่ที่ 1.95 บาท และยืนยันว่าทำตามกฎเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์
"บริษัทมีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มทุน เนื่องจากมีหนี้สินปริมาณมาก ภาระดอกเบี้ย ทำให้ไม่มีความคล่องตัวในการบริหารงาน แต่กระบวนการขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิมเป็แนวที่ดีสำหรับทุกฝ่าย และมีความเป็นไปได้สูง เพราะซีพีเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท และหวังว่า ช่วงที่มีการใช้สิทธิจองซื้อหุ้น ราคาหุ้นอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง"นายศุภชัย กล่าวในที่ประชุมผู้ถือหุ้นวันนี้
ทั้งนี้ วันใช้สิทธิจองซื้อหุ้น TRUE นายศุภชัย คาดว่าอยู่ในช่วงเดือน ก.พ. 52
วันนี้ ราคาหุ้น TRUE ปิดที่ 1.49 บาท ลดลง 0.06 บาท (-3.87%)
*จะเสนอขายหุ้นกู้ 3 พันลบ.ใน ม.ค.52
นายศุภชัย กล่าวว่า บริษัทมีแผนที่จะออกหุ้นกู่ จำนวน 3 พันล้านบาท และ มีกรีนชู หรือจำนวนสำรอง อีก 2 พันล้านบาท รองรับความต้องการนักลงทุน คาดว่าจะเสนอขายในช่วงต้นเดือน ม.ค.52 จากเดิมมีแผนเสนอขายภายในสิ้นปี 51 โดยหุ้นกู้มี 2 ชุด อายุ 3 ปี และ 5 ปี
แต่ยอมรับว่า อัตราดอกเบี้ยจะอยู่ในระดับสูง เนื่องจาก ผลการจัดอันดับเครดิตของบริษัทไม่ดีนัก อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า หุ้นกู้ของบริษัทจะได้รับความสนใจ เพราะบริษัทอยู่ในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม และจากการสำรวจความต้องการจากธนาคารพาณิชย์ 5 แห่ง ที่เป็นตัวแทนจำหน่ายหุ้นกู้ของบริษัท ได้แก่ ธ.กรุงเทพ(BBL), ธ.ไทยพาณิชย์(SCB), ธ.กสิกรไทย(KBANK) และธ.กรุงไทย(KTB) และ ธ.นครหลวงไทย (SCIB) พบว่า ยังมีผู้ฝากเงินในระบบธนาคารอยู่สูง เชื่อว่าจะมีบางส่วนที่สนใจลงทุนเข้าซื้อหุ้นกู้
ทั้งนี้ ทริสเรทติ้ง ประกาศอันดับเครดิตหุ้นกู้มีประกันชุดใหม่ของ TRUE ที่ระดับ “BBB" ในขณะเดียวกันยังยืนยันผลอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้มีประกันเดิมของบริษัทที่ระดับ “BBB"
ส่วยการขอขยายเวลาสัญญาสัมปทานออกไปอีก 5 ปีกับ บมจ.กสท โทรคมนาคม นั้น นายศุภชัย คาดว่าจะได้ข้อสรุปต่ออายุสัญญาสัมปทานในเร็วๆนี้ เนืองจากเอกสารได้เตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว เหลือแต่เพียงรอให้รมว.เทคโนโลยีและการสื่อสาร(ไอซีที) ลงนามเห็นชอบ ซึ่งหลังจากนั้น อายุสัมปทานของ TRUE จะหมดลงพร้อมกับ บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) ซึ่งทำสัญญาสัมปทานกับ กสท.เช่นกัน
นอกจากนี้ นายศุภชัย ยังยืนยันว่าในปี 52 บริษัทจะลงทุนระบบ 3G เพราะเป็นเรื่องที่บริษัทให้ความสำคัญมาก เพราะหากมี 3G จะทำให้TRUE ซึ่งเป็นผู้ประกอบการรายเล็ก สร้างความสามารถในการแข่งขันให้เท่าเทียมกับ บมจ.แอดวานซ์อินโฟ เซอร์วิส (ADVANC) และ DTAC ที่เป็นโอเปอเรเตอร์รายใหญ่ อันดับ 1 และ 2 ตามลำดับ เนื่องจากทุกรายต้องเริ่มต้นลงทุนระบบ 3G ไปพร้อมๆกัน