ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ (19 ธ.ค.) ท่ามกลางบรรยากาศการซื้อขายที่ผันผวน เนื่องจากนักลงทุนยังมีความวิตกกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจ แม้ว่ารัฐบาลสหรัฐได้ออกมาให้คำมั่นว่าจะออกเงินกู้ฉุกเฉิน 1.74 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อช่วยเหลืออุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศ
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลดลง 25.88 จุด หรือ 0.30% แตะที่ 8,579.11 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 2.60 จุด หรือ 0.29% แตะที่ 887.88 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดเพิ่มขึ้น 11.95 จุด หรือ 0.77% แตะที่ 1,564.32 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 6.04 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 2 ต่อ 1
โดยในการซื้อขายช่วงเช้านั้น นักลงทุนต่างพากันขานรับแผนการของรัฐบาลที่ให้คำมั่นว่าจะออกเงินกู้ระยะสั้นในงวดแรกเป็นเงิน 1.34 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อช่วยเหลือเจนเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) และไครสเลอร์ แอลแอลซี ที่กำลังประสบปัญหาสภาพคล่องหลังยอดขายตกต่ำท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว นอกจากนี้ รัฐบาลจะออกเงินกู้งวดที่สองอีก 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังจากที่ออกแผนอนุมัติเงินกู้อุ้มกลุ่ม "บิ๊กทรี"มูลค่า 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ในก่อนหน้านี้ไม่ผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภา
อย่างไรก็ตาม เงินกู้ดังกล่าวอาจกำหนดเงื่อนไขที่ระบุให้จีเอ็ม และไครสเลอร์จะต้องกระตุ้นการดำเนินงานเพื่อให้มีสภาพคล่องมากขึ้นและมีความสามารถจ่ายคืนเงินกู้รัฐบาลภายในสิ้นเดือนมี.ค. ขณะที่ฟอร์ด มอเตอร์ โคไม่ได้ขอความช่วยเหลือ แต่ซีอีโอของฟอร์ดคาดว่า มาตรการดังกล่าวจะช่วยทำให้อุตสาหกรรมรถยนต์โดยรวมมีเสถียรภาพมากขึ้น
เอเลน เกลย์ นักวิเคราะห์จาก RidgeWorth Investments กล่าวว่า "ผมคิดว่าบรรยากาศการซื้อขายยังถูกปกคลุมด้วยความไม่มั่นใจของนักลงทุนอยู่มาก โดยเฉพาะกับจีเอ็มที่ถูกจับตาว่าจะสามารถพยุงกิจการให้รอดพ้นวิกฤตได้มากน้อยแค่ไหนหลังจากได้รับเงินกู้ฉุกเฉินก้อนนี้"
ทั้งนี้ นักลงทุนวิตกกังวลว่าตลาดแรงงานอาจมีตัวเลขคนว่างงานเพิ่มขึ้นเนื่องจากมีความเป็นไปได้ที่จีเอ็ม หรือไครสเลอร์จะยื่นเอกสารพิทักษ์ล้มละลาย ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริงจะทำให้ตัวเลขคนตกงานพุ่งขึ้นถึง 3 ล้านคน หลังจากที่เมื่อเดือนพ.ย.ที่ผ่านมามีตัวเลขผู้ตกงานกว่า 500,000 คน และล่าสุดกระทรวงแรงงานได้เปิดเผยยอดชาวสหรัฐที่ขอรับสวัสดิการว่างงานถึงกว่า 500,000 คนในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม จากข่าวดีของรัฐบาลที่ทุ่มเทความพยายามออกเงินกู้ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศได้ช่วยหนุนให้หุ้นจีเอ็มถีบตัวสูงขึ้น 23% ขณะที่หุ้นฟอร์ดเดินหน้าขึ้น 3.9%
ขณะเดียวกัน หุ้นกลุ่มสถาบันการเงินปรับตัวลดลงในแดนลบโดยมีซิตี้กรุ๊ปร่วงลง 5.5% ขณะที่หุ้นเวลส์ ฟาร์โกถอยรูดลง 29 เซนต์