ผู้บริหาร บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์ คาดแนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 52 จะชะลอตัวลงตามภาวะเศรษฐกิจ โดยความต้องการซื้อจะลดลงจากช่วงปกติประมาณ 25-30% ส่งผลให้การแข่งขันสูงขึ้น และมีการนำกลยุทธ์ทางการตลาดเข้ามาใช้หลากหลายรูปแบบ
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ปรับกลยุทธ์การขยายธุรกิจใหม่เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น โดยเน้นที่การจัดสรรสภาพคล่อง ลดสินค้าคงเหลือ และลด Operating Expenses และยังไม่มีการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่เพิ่ม แต่จะมุ่งทำตลาดในโครงการเดิมที่ลงทุนไปแล้วให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยขณะนี้บริษัทฯ มีโครงการในมือ 13 โครงการ มูลค่า 2,500 ล้านบาท และคิดเป็น Backlog มูลค่า 630 ล้านบาท
"การปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจให้สอดรับกับสถานการณ์ในช่วงนี้ ไม่ใช่เรื่องที่เราเพิ่งจะเริ่มทำใหม่ แต่เราทำมานานแล้ว ประสบการณ์ที่เราอยู่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ยาวนานถึง 30 ปี และเราเป็นผู้ที่ผ่านวิกฤติมาแล้วหลายรอบ ทำให้เรามองตลาดได้กว้างและลึก การปรับตัวจึงเกิดขึ้นอยู่เสมอเป็นเรื่องปกติ" น.ส.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการและกรรมการบริหาร บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์ กล่าว
สำหรับกลยุทธ์ทางการตลาดที่บริษัทฯ จะนำมาใช้ในปีหน้าจะเน้นให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า คือ วางตำแหน่งเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่มีคุณภาพ รับรองโดยผลงานที่ตลาดและลูกค้าให้การยอมรับมายาวนานกว่า 30 ปี กำหนดราคาขายให้ใกล้เคียงหรือถูกกว่าท้องตลาดทั้งที่มั่นใจว่าคุณภาพและบริการเหนือกว่า ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี และที่บริษัทฯ สามารถนำกลยุทธ์คุณภาพสูง ราคาคุ้มค่ามาใช้ได้ เพราะที่ผ่านมาได้บริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพทำให้งสามารถกำหนดราคาขายที่ต่ำลงได้
น.ส.เกษรา กล่าวว่า โครงการของบริษัทฯ ทั้ง 13 โครงการ ตั้งอยู่ใน 5 ทำเล ได้แก่ รัชดาภิเษก, ลาดพร้าว, รามอินทรา, รังสิต และเทพารักษ์ โดยมีทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ โฮมออฟฟิศ และคอนโดมิเนียม โดยช่วงครึ่งแรกของปีจะยังไม่มีการลงทุนใหม่ แต่ถ้ามีสัญญาณบ่งชี้ว่าในปี 53 ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศมีแนวโน้มจะปรับตัวดีขึ้นก็อาจจะมีการลงทุนเพิ่มในไตรมาสที่ 3-4 ของปี 52 ส่วนจะเป็นโครงการประเภทไหนต้องมีการกลับมาพิจารณาดูความเหมาะสมอีกครั้ง
น.ส.เกษรา กล่าวว่า ปีนี้คาดว่าบริษัทฯ จะทำรายได้ไม่น้อยกว่า 1,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 100% จากปีที่ผ่านมาที่ทำได้ 670 ล้านบาท โดยรายได้ดังกล่าวมาจากอสังหาฯ แนวราบ 60-70% คอนโดมิเนียม 30-40% ส่วนปี 52 คาดว่ารายได้อาจจะมีการปรับลดลงบ้าง แต่จะพยายามรักษาสภาพคล่อง Margin และให้มีความเสี่ยงทางธุรกิจน้อยที่สุด