เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ เผยแนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นช่วงไตรมาสแรกของปี 52 ยังมีความเสี่ยงสูง เนื่องจากผลกระทบของวิกฤติเศรษฐกิจโลกยังไม่สิ้นสุดส่งผลให้เศรษฐกิจของไทยมีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะถดถอยจนอัตราการเจริญเติบโตลดลง แม้สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศจะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นแล้วก็ตาม โดยคาดว่าภายในปีนี้ดัชนีจะอยู่ที่ 611 จุด และเพิ่มเป็น 671 จุด ภายในสิ้นปี 52
"วิกฤติเศรษฐกิจโลกยังไม่สิ้นสุด ทำให้แนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในไตรมาส 1 ของปี 2552 ยังมีความเสี่ยงสูง เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง และอาจจะมีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะถดถอย ซึ่งมีผลทำให้เศรษฐกิจไทยมีอัตราการขยายตัวลดลง" นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคาะห์หลักทรัพย์ กล่าว
เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจปี 52 จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ 4% จะต้องมีการทบทวนใหม่ เพราะเชื่อว่าบางไตรมาสอัตราการขยายตัวอาจติดลบ ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยยังคงแกว่งตัวและมีความผันผวน โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 52 คาดว่าจะเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 450-380 จุด ส่วนแนวโน้มครึ่งหลังของปี 52 คาดว่าดัชนีหุ้นไทยมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ตามการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยจะมีโอกาสฟื้นตัว หลังจากหลายประเทศอัดฉีดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจเพื่อช่วยเหลือตั้งแต่ปลายปีนี้
"ยอมรับว่าปี 2551 เป็นปีที่แย่มากๆ เพราะนอกจากจะมีปัญหาวิกฤติการเงินสหรัฐที่ลุกลามเป็นวิกฤติเศรษฐกิจโลกแล้ว ยังมีปัญหาการเมืองในประเทศที่ยืดเยื้อ ทำให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงอย่างหนัก ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย" นายสมบัติ กล่าว
ทั้งนี้ สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ได้ส่งแบบสำรวจความเห็นนักวิเคราะห์เกี่ยวกับแนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นในปี 52, ปัจจัยบวกและปัจจัยลบ, แนวโน้มอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ เพื่อทบทวนเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยสิ้นปี 51 และปรับเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยในปี 52 จากเดิมที่สำรวจไว้เมื่อเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา คาดการณ์ว่าดัชนีหุ้นไทย ณ ปลายปี 51 อยู่ที่ 611 จุด และดัชนีหุ้นไทย สิ้นปี 52 อยู่ที่ 671 จุด
อย่างไรก็ตาม ดัชนีหุ้นช่วงปิดตลาดเมื่อวันที่ 19 ธ.ค.ที่ผ่านมาอยู่ที่ 447.01 จุด