บมจ.การบินไทย(THAI)คาดว่าอัตราการบรรทุกผู้โดยสาร(cabin factor)เฉลี่ยในปี 52 น่าจะดีขึ้นจากระดับ 70% ในปีนี้ แต่รายได้อาจจะเติบโตไม่ได้ตามเป้าหมาย 3-5% ดังนั้น บริษัทจึงต้องปรับแผนธุรกิจให้สอดคล้องกัน รวมทั้งการปลดระวางเครื่องบินเก่า บริษัทยังมีแผนจะยกเลิกเที่ยวบินที่คุ้มทุน โดยในเร็ว ๆ นี้จะมีการยกเลิกเที่ยวบินตรงไปยังโยฮันเนสเบิร์ก
นายณรงค์ศักดิ์ สังขพงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สำนักเลขานุการบริษัท ปฏิบัติหน้าที่กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ. การบินไทย (THAI) คาดว่า Cabin Factor ในปี 52 จะไม่ต่ำกว่า 70% โดยปีหน้าจะมีการรับมอบเครื่องบินใหม่ เป็นเครื่องแอร์บัส 330 จำนวน 6 ลำ และอีก 2 ลำในปี 53 รวมเป็น 8 ลำ เพื่อเพิ่มเที่ยวบินในแถบเอเชียและซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งขณะนี้ได้ให้ทางฝ่ายการเงินไปพิจารณาเพื่อขอเลื่อนการจ่ายเงินค่าซื้อเครื่องบิน
นอกจากนี้ การบินไทยเตรียมเจรจากับการท่องเที่ยวประเทศจีนและไต้หวัน โดยเฉพาะการท่องเที่ยวจีนที่เคยห้ามประชาชนระมัดระวังการเดินทางมาประเทศไทย โดยจะมีการสร้างความเข้าใจลงเกือบ 50% ก็จะทำให้ผู้โดยสาร โดยเฉพาะจากจีน เกาหลี ญี่ปุ่นตัดสินใจที่จะเข้ามาเที่ยวและใช้บริการการบินไทยมากขึ้นจนไปถึงเทศกาลตรุษจีนในเดือน ม.ค.52
ส่วน Cabin Factor ในปี 51 นี้จะอยู่ที่ประมาณ 70% ซึ่งต่ำกว่าปีก่อนที่ 80% แต่ก็เป็นไปตามเป้าหมายใหม่ที่บริษัทได้ปรับปรุงใหม่เมื่อเดือน ส.ค.51 จากแผนเดิมที่ 78%
ขณะเดียวกันคาดว่ารายได้ในปีนี้ จะปรับลดลงตาม Cabin Factor อย่างไรก็ตามในเดือน ธ.ค.Cabin Factor ได้ปรับตัวดีขึ้น โดยขณะนี้อยู่ที่ 72% จากเป้าในเดือนนี้ที่ 74% ซึ่งขณะนี้ได้มีผู้โดยสารยุโรปกลับมา โดยเฉพาะจากประเทศแถบสแกนดิเนเวีย และจำนวนผู้โดยสารในประเทศก็เพิ่มขึ้น รวมทั้งเป็นผลจากการปรับตารางบินที่เริ่มมาตั้งแต่ 15 ธ.ค.51-27 มี.ค.52
สำหรับ Cabin Factor ในเดือน พ.ย.51 อยู่ที่ 67% ส่วนเดือน ต.ค. อยู่ที่ 68%
"ถ้าเราจบที่ 70% ทั้งปีนี้ได้ ถือว่าดีมากแล้ว เพราะตั้งแต่เดือนสิงหาเราเจอสถานการณ์หลายอย่างตั้งแต่ปิดสนามบินภูเก็ต และปี 52 รับรองว่าต้องดีกว่าปีนี้แน่ คิดว่าตอนนี้ผู้โดยสารจะต้องกลับมาดีขึ้น"นายณรงค์ศักดิ์ กล่าว
ด้านนายปานฑิต ชนะภัย รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายงานพาณิชย์ THAI กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทกำลังทบทวนแผนธุรกิจทั้งหมดในปี 52 ได้แก่ การปรับปรุงเส้นทางการบิน การปลดระวางเครื่องบินเก่าให้เร็วขึ้น เพื่อลดค่าใช้จ่าย เนื่องจากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งเดิมบริษัทตั้งเป้าหมายว่าจะมีรายได้เติบโต 3-5% แต่ขณะนี้คาดว่าอาจจะไม่เติบโตจากธุรกิจการบินทั่วโลกมีอัตราการเติบโตเป็น 0%
ทั้งนี้จะนำแผนธุรกิจปี 52 ใหม่นำเสนอคณะกรรมการในวันที่ 14 ม.ค.52 ขณะเดียวกันในสัปดาห์นี้ทางบริษัทจะมีการพิจารณาตัดสินใจยกเลิกเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพฯ-โยฮันเนสเบิร์ก ในอาฟริกาใต้ เนื่องจากที่ผ่านมามีจำนวนผู้โดยสารน้อยและต้องแบกรับภาระต้นทุนน้ำมันสูง ซึ่งไม่คุ้มกับค่าใช้จ่าย
นายปานฑิต กล่าวว่า ส่วนแผนการจัดหาเครื่องบิน ในช่วง 10 ปี ส่วนใหญ่จะเป็นการทดแทนเครื่องบินเก่า ซึ่งอาจจะมีการปลดระวางเครื่องบินเก่าเร็วขึ้น และนำเครื่องบินใหม่เข้ามาใช้แทน โดยแผนระยะสั้นใน 1-2 ปีนี้ อาจจะมีเครื่องบินที่ปลดระวางเร็วขึ้น เช่น แอร์บัส 300-600 ในปีนี้คาดว่าจะมี 2 ลำ