PTT ยอมรับปี 51 กำไรต่ำกว่าปีก่อน จากธุรกิจโรงกลั่นขาดทุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday December 22, 2008 15:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ปตท. (PTT) กล่าวว่า ในปี 2551 คาดว่า ปตท.จะมีกำไรสุทธิลดลงจากปี 2550 เนื่องจากบริษัทขาดทุนจากธุรกิจโรงกลั่นในช่วงไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ส่วนธุรกิจปิโตรเคมี คาดว่าในปี 51 ยังมีกำไรเป็นบวก แม้ว่าราคาขายปิโตรเคมีไม่สูงเท่ากับปี 50 ในส่วนของรายได้ก็มั่นใจว่าจะยังเติบโต

สำหรับปี 52 ยังประเมินว่าราคาน้ำมันจะยืนเหนือ 50 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ส่วนการที่ราคาน้ำมันปรับลดลงแรงในช่วงนี้เหลือเพียง 30-40 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ถืวอ่าต่ำมากและคงเป็นระยะชั่วคราวที่ราคาต่ำขนาดนี้

"และปีหน้าผู้ผลิตรายใหม่ๆ คงไม่สามารถแบกรับราคาที่ 40 เหรียญสหรัฐฯได้ เนื่องจากต้นทุนของผู้ผลิตน้ำมันรายใหม่ๆ จะอยู่ 60-70 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล"นายประเสริฐ กล่าว

สำหรับการปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันในกลุ่ม ปตท. อาทิตย์นี้คาดว่าจะมีการปรับลดลงหลังจากวันนี้ราคาในตลาดโลกปรับตัวลดลง และแต่ต้องขอรอดูสถานการณ์อีกระยะหนึ่ง

ในเรื่องการปรับเพิ่มราคาก๊าซ NGV วันที่ 1-2 ม.ค.52 ขณะนี้ทางบริษัทยังไม่ได้มีการพิจารณาปรับขึ้น ต้องรอคุยกับรัฐบาลใหม่ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน หลังการเข้ารับตำแหน่งของรัฐมนตรี แต่ก็ต้องการให้รัฐบาลเห็นใจ ปตท. ที่ต้องแบกภาระต้นทุน NGV โดยเฉพาะปี 51 บริษัทแบกภาระต้นทุนไว้ 3-4 พันล้านบาท และยังมีภาระ LPG อีกแม้ว่าราคาในตลาดโลกจะปรับลดลง แต่ที่ผ่านมา ปตท.แบกรับภาระไว้เยอะมาก

ส่วนแผนการซื้อหุ้นคืน คงต้อชะลอออกไปก่อน เนื่องจากตอนนี้ราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับที่น่าพอใจและเหมาะสมกับสถานการณ์และภาวะปัจจุบันแล้ว ประกอบกับที่ผ่านมาการแก้ไขกฎเกณฑ์การซื้อหุ้นคืนจากกระทรวงพาณิชย์ยังไม่เรียบร้อย จึงเห็นว่าตอนนี้ไม่มีความจำเป็นต้องซื้อหุ้น แต่ถ้าหากราคาหุ้นตกต่ำไปมาก การซื้อหุ้นคืนก็จะถูกนำกลับมาพิจารณาอีกครั้ง เพราะว่าการแก้ไขปัญหาเรื่องราคาปรับลดลงต่ำกว่าราคาพื้นฐาน

นอกจากนี้ นายประเสริฐ กล่าวในฐานะนายกสมาคมบริษัทจดทะเบียน กล่าวว่า การที่นายกรัฐมนตรีไปเยี่ยมตลาดหลักทรัพย์ฯ และสอบถามถึงข้อปัญหา ทางตนได้ย้ำถือแผนพัฒนาตลาดทุนที่ดำเนินการค้างอยู่ ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรีจะรับไปพิจารณา และการที่มารับฟังความคิดเห็นในวันนี้ เป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งสถาบันรายย่อยและนักลงทุนต่างประเทศ ที่นายกรัฐมนตรีมาเยี่ยมก่อนเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณ ถือว่าเป็นการให้ความสำคัญกับตลาดทุนมาก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ