(เพิ่มเติม) SIRI คาดปี 52 ทำรายได้ 1.7 หมื่นลบ.สูงกว่าปีนี้ เปิดใหม่ 2.07 หมื่นลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday December 22, 2008 16:55 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.แสนสิริ (SIRI) คาดปี 52 มียอดรับรู้รายได้ 1.7 หมื่นล้านบาท สูงกว่าปี 51 ที่มียอดรับรู้รายได้ 1.6 หมื่นล้านบาท และประมาณการยอดขายในปีหน้าไว้ที่ 1.7 หมื่นล้านบาท สูงกว่าปี 51 ที่มียอดขาย 1.55 หมื่นล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่ 16 โครงการ มูลค่ารวม 2.07 หมื่นล้านบาท ส่วนงบซื้อที่ดินปีหน้าปรับลงเหลือ 2.3 พันล้านบาท จากปี 51 ที่มีงบ 3.9 พันล้านบาท

"ยอดขายปีหน้าเชื่อว่าเพิ่มขึ้นมาได้ เพราะซัพพลายในตลาดหายไป ผู้ประกอบการรายเล็กรายกลางไม่มีการออกสินค้าใหม่ ปีหน้าเค้กเท่าเดิม หรือมองว่าทรงตัว แต่เราจะมีมาร์เก็ตแชร์มากขึ้น...เป็นห่วงเรื่องเดียว เรื่องกำลังใจ ถ้ากำลังใจกลับมา กำลังซื้อก็กลับมาด้วยเพราะตอนนี้ดอกเบี้ยก็ลด เงินเฟ้อก็ต่ำ"นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการ SIRI กล่าว

นายเศรษฐา เชื่อว่า รัฐบาลใหม่น่าจะทำให้ความเชื่อมั่นของประชาชนกลับมาได้ พร้อมทั้งให้ความเห็นว่าไม่ควรวิจารณ์ ครม.ชุดใหม่ไปก่อน แต่ควรเปิดโอกาสให้ทำงาน และเชื่อมั่นฝีมือ นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลังคนใหม่ รวมถึงการขยายมาตรการลดภาษีกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไปจนถึง 28 มี.ค. 53 และลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเพิ่มขึ้นก็ส่งผลดีกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

"ตลาดอสังหาฯปี หน้าภาพรวมน่าจะทรงๆ ปัจจัยมาจากเรื่องเศรษฐกิจโลก และเรื่องทะเลาะเบาแว้งกันเองในประเทศ ทำให้รายได้จากการส่งออก ท่องเที่ยวแย่ลง แต่คิดว่ารัฐบาลใหม่รู้ว่าจะต้องเข้ามาแก้ไขปัญหาอะไร ผมว่าวิกฤตครั้งนี้ต่างกับปี 40 ที่สถาบันการเงินเราเข้มแข็ง และ เอกชนมีทุนหนาหนี้น้อย ถ้าปรองดอง สมานฉันท์กันได้ ก็แก้ไขได้ไม่ลำบาก"นายเศรษฐา กล่าว

ทั้งนี้ จากภาพรวมภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้บริษัทมีการปรับกลยุทธในปีหน้าไปบ้าง โดยลดราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยลงมาเหลือ 4.6-4.7 ล้านบาท จากระดับ 5 ล้านบาทในปี 51 ตามขนาดบ้านที่เล็กลง

นายเศรษฐา กล่าวอีกว่า บริษัทยังคงกลยุทธ์สร้างแบรนด์สินค้าให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น และการสร้างแบรนด์ใหม่ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นความสนใจและยอดขายได้เป็นอย่างดี โดยที่ผ่านมาบริษัทได้ขยายสินค้าเกือบครบทุกเซคเม้นท์ ยกเว้นบ้านระดับต่ำกว่า 1 ล้านบาท หรือ 1 ล้านบาทต้นๆ

รวมทั้งให้ความสำคัญกับการบริหารสต็อก ที่สร้างเท่าที่ขายได้ ซึ่งถือว่าเป็นการบริหารเงินสดของบริษัทด้วย โดยบริษัทได้ปรับมาตั้งแต่ ไตรมาส 2/50 ทำให้บริษัทไม่มีที่ดินรอการพัฒนา หรือ โครงการปัจจุบันก็ไม่มีสต็อกเหลืออยู่มาก

ปัจจุบัน บริษัทก็มียอดขายล่วงหน้ารอโอน(pre-sale Backlog)แล้วถึง 1.7 หมื่นล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 4/51 ประมาณ 3 พันล้านบาท ส่วนในปีหน้าจะรับรู้ฯ ราว 1 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นยอดขายจากคอนโดมิเนียม และที่เหลืออีก 4 พันล้านบาทรับรู้ฯ ในปี 53

นายเศรษฐา คาดว่า คาดว่าในไตรมาส 4/51 จะมีรายได้และกำไรสุทธิสูงสุดในรอบปี ซึ่งประมาณการยอดรับรู้รายได้ที่ 5-6 พันล้านบาท จากปกติมียอดรับรู้รายได้ 2-3 พันล้านบาท เนื่องจากบริษัทรับรู้รายได้จากโครงการเดิม ส่วนทั้งปี 51 กำไรจะสูงกว่าปี 50 ที่มีกำไร 707.93 ล้านบาท โดยอัตรากำไรขั้นต้นที่ระดับ 30% สูงกว่าปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 29% ดังนั้น เชื่อว่าบริษัทจะสามารถจ่ายเงินปันผลได้มากกว่าปีก่อนตามกำไรที่เพิ่มขึ้น โดยนโนบายจ่ายปันผลที่ 50%ของกำไรสุทธิ

ทั้งนี้ ในปี 51 มีสัดส่วนรายได้จากโครงการบ้านเดี่ยว 40% คอนโดมิเนียม 45% และ ทาวน์เฮ้าส์ 15% SIRI จะมีส่วนแบ่งตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ 18% จากปีก่อนที่ 14-15% และเชื่อว่าปีหน้าจะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดได้มากกว่าปีนี้

สำหรับโครงการใหม่ที่จะเปิดปี 52 ประกอบด้วย โครงการบ้านเดี่ยว 6 โครงการมูลค่า 7.6 พันล้านบาท โครงการทาวน์เฮ้าส์ 7 โครงการมูลค่าโครงการ 5.5 พันล้านบาท และ โครงการคอนโดมิเนียม 3 โครงการ มูลค่า 7.6 พันล้านบาท ซึ่งไตรมาสแรกจะเปิดโครงการคอนโดมิเนียมทั้งหมดล้วนเป็นโครงการขนาดใหญ่ เริ่มต้นเปิดโครงการที่ทองหล่อ มูลค่าโครงการกว่า 4 พันล้านบาท ในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนม.ค. 52

แหล่งเงินจะมาจากกระแสเงินสดบริษัทที่ขณะนี้มีอยู่ 2 พันล้านบาท และจะทยอยเพิ่มจากเงินโอนบ้านของลูกค้า รวมทั้งแต่ละโครงการบริษัทได้สินเชื่อโครงการพร้อมอยู่แล้ว ปัจจุบันมีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ที่ 1.2 เท่า และคาดว่าปีหน้าก็จะทรงตัวในระดับนี้

ส่วนการซื้อที่ดินในปีหน้า นายเศรษฐา เห็นว่าไม่จำเป็นต้องรีบร้อน เพราะสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและในประเทศชะลอตัว การบริหารงานจึงควรเป็นไปอย่างระมัดระวัง ส่วนงบก่อสร้างในปีหน้าใช้ 8.6 พันล้านบาทสูงกว่าปีนี้ที่ใช้ 7.7 พันล้านบาท

นอกจากนี้ นายเศรษฐา กล่าวว่า ขณะนี้ทางบริษัทยังไม่มีแนวคิดหรือแผนที่จะซื้อหุ้นบริษัทคืน แม้ว่าราคาจะต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี(book value) ที่อยู่ระดับ 5-6 บาท โดยที่ผ่านมาในคณะกรรมการบริษัทก็ยังไม่ได้เกริ่นหรือพูดเรื่องนี้แต่อย่างใด

ขณะเดียวกัน บริษัทก็ยังไม่มีแผนยกเลิกให้ใบสำคัญแสดงสิทธิ(วอแรนต์)กับผู้ถือหุ้นเดิม ที่ราคาใช้สิทธิที่ 4.28 บาทต่อหุ้น ซึ่งบริษัทยังไม่มีความจำเป็นต้องระดมทุนผ่านช่องทางนี้



แท็ก แสนสิริ   (SIRI)  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ