บล.ทิสโก้ เป้าปี 52 เพิ่มมาร์เก็ตแชร์-เล็งจับลูกค้า high network ในปท.

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday December 23, 2008 11:24 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร กรรมการผู้จัดการ บล.ทิสโก้(TSC)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า รายได้รวมปีนี้(2551)คาดว่าจะอยู่ในลักษณะของการทรงตัวหรืออาจลดลงเล็กน้อยเป็นไปตามสภาพตลาดฯ แต่ปีหน้า(2552)หวังว่าจะเติบโตขึ้น แต่ก็อยู่ที่การเติบโตของปริมาณการซื้อขายโดยรวมของตลาดฯ ด้วย

"โดยรวมทั้งปีนี้บริษัทฯคงจะไม่ได้ดีไปกว่าปีที่แล้ว เพราะตลาดซบเซาลง ซึ่งเป็นไปตามภาวะตลาดฯ คิดว่ารายได้ของเราน่าจะนิ่ง ๆ เท่ากับปีที่แล้ว พอดีมีตัว IB เข้ามาเสริม ก็ทรงตัวหรือไม่ก็ลดลงเล็กน้อยตามสภาพตลาดฯ ปีหน้า(2552)ก็มองว่าน่าจะโตขึ้น แต่ก็อยู่ที่ปริมาณการซื้อขายของตลาดฯด้วยว่ามันจะโตขึ้นไหม"นายไพบูลย์ กล่าว

ในปีนี้คาดว่าปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยจะอยู่ที่ 16,000 ล้านบาท/วัน ลดลงจากปีที่แล้วที่อยู่ในระดับ 17,000 ล้านบาท/วัน ส่วนปีหน้า(2552)หากปริมาณการซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 15,000 ล้านบาท/วัน ก็ถือว่าน่าพอใจแล้ว เพราะหากบริษัทมีมาร์เก็ตแชร์เพิ่มขึ้น และตลาด IPO กลับคืนมา ก็จะทำให้บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น

*ปี 52 ตั้งเป้ามาร์เก็ตแชร์ธุรกิจหลักทรัพย์ 3.5%/มาร์เก็ตแชร์ TFEX เป้า 3-3.5%

นายไพบูลย์ กล่าวว่า บริษัทฯตั้งเป้าขยายส่วนแบ่งการตลาดในธุรกิจหลักทรัพย์(มาร์เก็ตแชร์)ให้ได้เป็น 3.5% จากปัจจุบันที่มีประมาณ 3% ซึ่งจะมุ่งเน้นจับลูกค้าในประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่เป็น high network เพื่อขยายสัดส่วนลูกค้ารายย่อยเพิ่มขึ้น

"เราต้องเตรียมตัวในการเพิ่มมาร์เก็ตแชร์ไปเรื่อย ๆ ถึงแม้ตอนนี้เราจะมีอยู่ประมาณ 3% แต่เราก็ยังไม่ happy นะ ก็คิดว่าเรายังมีโอกาสที่จะโตได้ โดยปีหน้า(2552)เราจะจับลูกค้าในประเทศมากขึ้น พวกลูกค้ากลุ่ม high network เพราะในอดีตเราพึ่งลูกค้าต่างประเทศค่อนข้างเยอะ ซึ่งมองว่าต่างประเทศปีหน้าคงจะมีการทำธุรกรรมน้อยลง"นายไพบูลย์ กล่าว

กรรมการผู้จัดการ TSC กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทฯมีสัดส่วนลูกค้าสถาบัน 60% และลูกค้ารายย่อย 40% แต่ในปีหน้ามีแผนก็จะปรับสัดส่วนลูกค้าสถาบันและรายย่อยให้เป็น 50:50 ผ่านบริการอินเตอร์เน็ตเทรดดิ้ง โดยจะไม่เน้นขยายสาขาเพิ่มขึ้น แต่จะเพิ่มเครือข่ายไปกับสาขาของธนาคารทิสโก้ในเป็นลักษณะ conner เล็ก ๆ

"ปีหน้าก็จะไม่เน้นสาขา ส่วนลูกค้าย่อย ๆ เราก็จะไปจับผ่านทางอินเตอร์เน็ต ก็จะปรับปรุงอินเตอร์เน็ตให้มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น เป็นลักษณะอินเตอร์เน็ตเทรดดิ้งไป ซึ่งตอนนี้บริษัทฯมีบัญชีลูกค้าอยู่ประมาณ 15,000 บัญชี และ Active ประมาณ 30%"กรรมการผู้จัดการ TSC กล่าว

นายไพบูลย์ กล่าวอีกว่า ด้านธุรกิจด้านตลาดอนุพันธ์(TFEX)ในช่วงแรก ๆ ไม่ได้มีการเติบโตมากนัก แต่ช่วงนี้ก็ถือว่าดีขึ้น โดยบริษัทฯตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มวอลุ่มให้มากขึ้น ปัจจุบัน มาร์เก็ตแชร์จากธุรกิจ TFEX อยู่ที่ประมาณ 2.5% ปีหน้าก็อยากจะให้ได้มาร์เก็ตแชร์เท่ากับธุรกิจหลักทรัพย์ที่ประมาณ 3-3.5%

"ตอนนี้ปริมาณการซื้อขายโดยส่วนใหญ่ของตลาดฯจะมาจากกรุงเทพฯและปริมณฑลประมาณ 90% ส่วนปริมณการซื้อขายที่มาจากต่างจังหวัดมันน้อยมาก ประมาณ 10% ซึ่งลูกค้ากลุ่มคนรวยส่วนใหญ่ก็อยู่ในกรุงเทพฯ"นายไพบูลย์ กล่าว

*รายได้ IB ดีขึ้นกว่าปีก่อน รับจากทำอันเดอร์ไรต์ Bond และปิดดีล M&A

กรรมการผู้จัดการ TSC กล่าวต่อว่า ส่วนรายได้จากธุรกิจวาณิชธนกิจในปีนี้(2551)ปรับตัวดีขึ้นมากกว่าปีก่อน(2550) แม้ตลาด IPO จะถูกปิดตาย แต่บริษัทยังมีรายได้จากทำอันเดอร์ไรต์ตลาดตราสารหนี้(Bond) และปิดดีล M&A ส่วนลูกค้า IPO ที่มีอยู่ในมือประมาณ 5-6 ดีล ยังรอจังหวะเวลาที่เหมาะสมในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

"ธุรกิจวาณิชธนกิจ บริษัทฯก็ยังมีดีลอยู่เรื่อย ๆ ซึ่งช่วงที่ผ่านมาเราก็ต้องปรับไปตามสภาพของตลาดฯ ซึ่งช่วงนี้ IPO ก็ซบเซา เราก็ไม่ได้นิ่งนะ เราก็ active ไปทำอันเดอร์ไรต์ตลาด Bond แทน ซึ่ง 2-3 เดือนที่ผ่านมาเราก็อันเดอร์ไรต์ Bond ไปหลายตัวนะ อย่าง Bond ของการบินไทย, ของปตท.เคมิคอล แล้วก็ อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์)แล้วเราก็มีอีก 2-3 ตัวได้"นายไพบูลย์ กล่าว

สำหรับลูกค้า IPO ที่มีอยู่ 5-6 บริษัทฯ ยังต้องรอเวลาเพราะขณะนี้ตลาด IPO ยังปิดอยู่ แต่รายได้จาก IB ของบริษัทในปีนี้ก็ถือว่ายังใช้ได้เมื่อเทียบกับปีก่อน

"เราก็ทำหมด อย่างดีล IPO ก็มีทำ, อย่าง Bond เราก็ทำเยอะ และ M&A เราก็ปิดดีลไปเยอะเหมือนกัน ซึ่งการเพิ่มขึ้นของรายได้ IB ในปีนี้ถือว่าดีขึ้นเยอะจากปีก่อนหน้า"กรรมการผู้จัดการ TSC กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ