ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 100 จุดเมื่อคืนนี้ (23 ธ.ค.) หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ รวมถึงยอดขายบ้านและตัวเลขจีดีพี ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอย นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายยังซบเซาเนื่องจากเทรดเดอร์จำนวนมากหยุดทำงานเพื่อฉลองเทศกาลคริสต์มาส
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วงลง 100.28 จุด หรือ 1.18% แตะที่ 8,419.49 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 8.47 จุด หรือ 0.97% แตะที่ 863.16 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดรูดลง 10.81 จุด หรือ 0.71% แตะ 1,521.54 จุด
ปริมาณซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 984.5 ล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 3 ต่อ 2 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 1.33 พันล้านหุ้น
ไรอัน ลาร์สัน นักวิเคราะห์จากบริษัท โวแย็กเกอร์ แอสเส็ท เมเนจเมนท์ กล่าวว่า "ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กสัปดาห์นี้เงียบเหงามาก เนื่องจากใกล้วันหยุดเทศกาลคริสต์มาส ซึ่งมีเทรดเดอร์จำนวนมากหยุดงานเพื่อฉลองเทศกาลดังกล่าวตั้งแต่วันจันทร์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของสหรัฐ รวมถึงยอดขายบ้าน และตัวเลขจีดีพี"
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ขั้นสุดท้ายประจำไตรมาส 3 หดตัวลง 0.5% มากกว่าที่คาดว่าจะหดตัวเพียง 0.3% และเป็นสถิติที่หดตัวลงรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3 ของปีพ.ศ.2544 ซึ่งเป็นผลมาจากผู้บริโภคลดการจับจ่ายใช้สอย
กระทรวงพาณิชย์ยังระบุด้วยว่า ผู้บริโภคลดการใช้จ่ายลง 3.7% ในไตรมาส 3 ซึ่งเป็นการปรับตัวลงรุนแรงที่สุดในรอบ 28 ปี เมื่อเทียบกับที่คาดว่าจะลดลง 3.1% ขณะที่ภาคครัวเรือนลดการใช้จ่ายลง 17.6% ซึ่งเป็นการร่วงลงติดต่อกันยาวนานถึง 11 ไตรมาส
ดานา เพริโน โฆษกทำเนียบขาวเปิดเผยว่า "เศรษฐกิจหดตัวลงอย่างเห็นได้ชัด รัฐบาลจึงจำเป็นต้องใช้มาตรการที่แข็งแกร่งเพื่อยับยั้งภาวะถดถอย เราเชื่อว่าปัจจัยหนึ่งที่ทำให้จีดีพีไตรมาส 3 หดตัวลงเกินคาดมาจากการที่ผู้บริโภคลดการจับจ่ายใช้สอย ซึ่งส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะผู้บริโภคเข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้ยากขึ้นนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์การเงิน ดังนั้น มาตรการของรัฐบาลจึงมุ่งเน้นเรื่องการกระตุ้นตลาดสินเชื่อไม่ให้หยุดชะงัก"
นอกจากนี้ สมาคมนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านมือสองประจำเดือนพ.ย.ร่วงลง 8.6% เหลือเพียง 4.49 ล้านยูนิตต่อปี จากเดือนต.ค.ที่ระดับ 4.91 ล้านยูนิต ขณะที่ยอดขายบ้านใหม่ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 18 ปี และราคาบ้านใหม่ร่วงลงหนักสุดในรอบ 8 เดือน
มิเชล เมเยอร์ นักเศรษฐศาสตร์จากบาร์เคลย์ แคปิตอล อิงค์ ในนิวยอร์ค กล่าวว่า "ความต้องการบ้านในสหรัฐยังคงเบาบางมาก ตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซาหนักสุดนับตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ส่งผลให้เกิดวิกฤติตลาดเงินครั้งรุนแรงและยังส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐถดถอยรุนแรงที่สุดด้วย เราคาดว่าวิกฤติตลาดอสังหาริมทรัพย์และสินเชื่อมีแนวโน้มลุกลามไปจนถึงปีหน้า แม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กระหน่ำลดดอกเบี้ยเหลือเพียง 0-0.25% แล้วก็ตาม"
หุ้นอเมริกัน กรีทติ้งส์ คอร์ป ซึ่งเป็นผู้ผลิตบัตรอวยพรสำหรับทุกเทศกาล ร่วงลง 35% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขขาดทุนไตรมาส 3 ซึ่งเป็นผลมาจากยอดขายที่ทรุดตัวลง ขณะที่หุ้นอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ดิ่งลง 2.5% และหุ้นซีทีไอ กรุ๊ป ดีดขึ้น 8 เซนต์ ปิดที่ 4.26 ดอลลาร์ หลังจากมีข่าวว่าทั้งสองบริษัทได้รับอนุมัติเงินกู้จากโครงการฟื้นฟูมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์ของรัฐบาลสหรัฐ