(เพิ่มเติม) MILLเตรียมเสนอบอร์ดงดจ่ายปันผล H2/51,คาดปี 52ได้ข้อสรุปพันธมิตรร่วมทุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday December 24, 2008 10:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล กรรมการผู้จัดการ บมจ.มิลล์คอนสตีลอินดัสทรีส์ (MILL) เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการประเมินการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นในงวดครึ่งหลังปี 51 โดยอาจจะไม่จ่ายเงินปันผล เพราะบริษัทต้องการนำเงินสดดังกล่าวใช้เป็นทุนหมุนเวียนของบริษัท และรองรับสถานการณ์ในปีหน้า ซึ่งบริษัทต้องการรักษาสภาพคล่องไว้ ถึงแม้ผลประกอบการในไตรมาส 4/51 จะมีรายได้สูงกว่าไตรมาส 3/51 ที่อยู่ในช่วงโลว์ซีซั่น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการบริษัทพิจารณา

"ตอนนี้ ภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจที่ชะลอตัว การถือเงินสด ถือว่ามีประโยชน์และสำคัญ เพราะปีหน้าต้องเหนื่อยเพิ่มขึ้น 2-3 เท่าจากปี 51 แน่นอน จึงทำให้ผมคิดอยากที่จะถือเงินสด โดยที่อาจจะไม่เห็นการจ่ายเงินปันผล เพราะอยากเก็บเงินสดไว้" นายสิทธิชัย กล่าว

ปัจจุบันบริษัทมีกระแสเงินสด อยู่ประมาณ 700 ล้านบาท และมีกำไรสะสมอยู่ แต่ยังไม่เพียงพอ โดยบริษัทได้หาแหล่งทุนอื่น เช่นเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน

อนึ่ง ในช่วงครึ่งแรกของปี 51 MILL จ่ายเงินปันผลอัตรา 0.08 บาทต่อหุ้น

นายสิทธิชัย กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทเปิดกว้างรับพันธมิตร ไม่ว่าจะเป็นลักษณะการเข้าเทคโอเวอร์กิจการ การร่วมลงทุนธุรกิจร่วมกัน หรือ จากการเข้ามาซื้อหุ้นกู้แปลงสภาพ

อย่างไรก็ดี รูปแบบการเข้ามา ขึ้นอยู่กับจังหวะและสถานการณ์ที่เหมาะสมว่าจะมารูปแบบใด แต่คาดว่าจะได้ข้อสรุปในปี 52 ซึ่งบริษัทมีความพร้อม

"ตอนนี้ ผมเปิดกว้างตัวเอง คุยกับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นแบงก์ พันธมิตร หรือนักลงทุน แต่การเข้ามาร่วมนั้นจะเป็นรูปแบบไหนคงต้องคุยกันก่อน เพื่อหาจุดที่จะจูนกันได้ ผมมองว่า อุตสาหกรรมเหล็ก คงจะมีความเป็นไปได้สูงที่มีการควบรวม เพื่อให้อยู่รอด และ รอดพ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจ คิดว่าน่าจะเห็นธุรกิจอื่นด้วย ส่วนบริษัทผมเองคงไม่มีแนวคิดไปควบรวม"นายสิทธิชัย กล่าว

ในเร็วนี้ บริษัทจะเซ็นเอ็มโอยู กันผู้ประกอบเหล็กในต่างประเทศ ในการพัฒนาสินค้า ประเภท สินค้ามูลค่าเพิ่ม ซึ่งจะทำให้บริษัทมีผลิตถัณฑ์ใหม่เพิ่มขึ้นที่จะช่วยเพิ่มรายได้อนาคต และมีมาร์จิ้นสูง 10-20% จากสินค้าปกติที่มีมาร์จิ้นที่ 8%

สำหรับผลประกอบการในปี 52 บริษัทตั้งเป้ารายได้ที่ 1 หมื่นล้านบาทใกล้เคียงปี 51 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว รวมทั้งราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกที่ทรงตัว หรือปรับตัวลดลง และกำลังซื้อในช่วงนี้เริ่มหดตัว ทำให้ประเมินได้ยาก แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทจะใช้จังหวะดังกล่าวในการเพิ่มและรักษาลูกค้า และการบริหารจัดการภายใน รวมถึงลดต้นทุน โดยการบริหารสต็อกไม่เกิน 1.5 เดือน รวมถึงเน้นรักษาสภาพคล่อง

ส่วนปี 51 เชื่อว่ารายได้เป็นไปตามเป้าหมายได้อย่างแน่นอนที่ 1 หมื่นล้านบาท โดยในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมามีรายได้ 7.2 พันล้านบาท

ในส่วนหุ้นกู้แปลงสภาพ วงเงิน 1.2 พันล้านบาท อายุไม่เกิน 5 ปี และ และใบสำคัญแสดงสิทธิ์ (วอแรนต์) ที่ให้ผู้ถือหุ้นเดิม ในอัตราส่วน 5 หุ้นเดิมต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ ในราคาใช้สิทธิ 5 บาท นายสิทธิชัยกล่าวว่า ขณะนี้รอจังหวะเวลาที่เหมาะสม โดยในส่วนหุ้นกู้แปลงสภาพ อาจจะมีกองทุนต่างประเทศเข้ามาซื้อ ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจา



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ