โบรกฯแนะลงทุนกลุ่มยานยนต์มองยังน่าสนใจรับกระทบระยะสั้นอนาคตยังไปได้สวย

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday December 24, 2008 15:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกฯ ยังแนะลงทุนในหุ้นกลุ่มยานยนต์ที่ยังมีอนาคตการเติบโตได้ในระยะยาวมีโอกาสกลับมาฟื้นตัวในปี 53 จากปัจจัยสนับสนุนทางด้านโครงสร้างพื้นฐานที่ทำให้ความสามารถในการแข่งขันอยู่ในระดับสูง และหุ้นที่มีอนาคตยังคาดว่าจะให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในระดับสูง แต่ควรรอจังหวะเวลาให้ปัจจัยลบผ่อนคลายลง เพราะระยะสั้นคงหนีไม่พ้นที่จะต้องถูกกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจในระดับโลกที่ได้เห็นค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ระดับโลกกระเทือนกันเป็นแถว

นายดิษฐนพ วัธนเวคิน นักวิเคราะห์ บล.เกียรตินาคิน กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"ว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยยังมีโอกาสเติบโตได้ หากผ่านพ้นช่วงเศรษฐกิจโลกชะลอตัวไปแล้ว เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานมีความพร้อมรองรับการลงทุนทั้งในด้านระบบสาธารณูปโภค ความสามารถของแรงงานและอัตราค่าแรง ยังมีความสามารถในการแข่งขันได้ในตลาดโลก ส่วนจะต้องใช้เวลานานแค่ไหน ยากแท้ที่จะประเมินได้

"ถามว่าอุตสาหกรรมนี้จะกลับมาอู้ฟู่เหมือนเดิมอีกนานแค่ไหนนั้น บอกตามตรงว่า ผู้บริหารของแต่ละบริษัทยังไม่กล้าระบุชัด แต่ปีหน้าเห็นผลกระทบชัดแน่ๆ อยู่แล้ว"นายดิษฐนพ กล่าว

โดยรวมระยะสั้น(ปี 52)หุ้นกลุ่มยานยนต์เป็น“Underweight"เนื่องจากการชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจโลกในปี 52 จะส่งผลต่ออุปสงค์ยานยนต์ คาดยอดการผลิตยานยนต์ในประเทศไทยจะลดลง 17%yoy เป็น 1.2 ล้านคัน ส่วนผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนกลุ่มยานยนต์ที่เราติดตามอยู่จะลดลงถึงประมาณ 30-60%

ด้านบทวิเคราะห์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)ระบุว่า วิกฤติทางการเงินโลก เริ่มส่งผลกระทบในวงกว้างและต่อเนื่องให้เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างหนักและส่งผ่านถึงความต้องการรถในตลาดโลก ค่ายรถต่างๆได้ประกาศลดกำลังการผลิตลง 20-30% หรือมีการหยุดการผลิตชั่วคราว ทำให้ยอดผลิตรถยนต์ทรุดลงอย่างหนักในเดือน ธ.ค.51 และต่อเนื่องถึง Q1/52 จากผลดังกล่าวคาดจะทำให้ผลประกอบการของหุ้นในกลุ่มยานยนต์จะเริ่มถูกผลกระทบใน Q4/51 และ จะหนักขึ้นใน Q1/52

*โบรกฯมอง SAT-STANLY เด่น มูลค่าพื้นฐานสูงกว่าตลาด

ทั้ง บล.กิมเอ็ง และ บล.เกียรตินาคิน ต่างเห็นว่า SAT และ STANLY ยังมีความน่าสนใจ โดย บล.กิมเอ็งแนะนำ"ซื้อลงทุน"หวังผลการฟื้นตัวในปี 53 คือ SAT(ราคาเหมาะสม 10.0 บาท)และ STANLY(ราคาเหมาะสม 100 บาท)เพียงแต่ในระยะสั้นคาดว่าราคาหุ้นจะยังถูกกดดันอย่างหนักจากข่าวลบในกลุ่มรอบด้าน ดังนั้น ควรรอให้ดูปัจจัยแวดล้อมด้านลบผ่อนคลายก่อน

ขณะที่บล.เกียรตินาคิน แนะนำ"ซื้อ"SAT และ STANLY เพราะเห็นว่ามีมูลค่าพื้นฐานสูงกว่าราคาตลาด และราคาตลาดซื้อขายกันที่ต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น รวมถึงคาดว่าจะยังให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลในระดับ 7-9% ภายใต้ภาวะการชะลอตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์

*เอกชนยอมรับต้องดิ้นรน-ปรับแผนฝ่าวิกฤต

นายวรพจน์ ฉัตรชัยกุลศิริ รองกรรมการอำนวยการ สายงานการเงินและบัญชี บมจ.สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี(SAT)ยอมรับว่ารายได้ในปี 52 จะลดลง 15-20% จากปีนี้ที่มีรายได้ 5.8 พันล้านบาท ตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก แต่จะพยายามหารายได้จากการผลิตชิ้นส่วนอุตสาหกรรมไฟฟ้าเข้ามาเพิ่มเติม น่าจะช่วยให้รายได้ไม่ลดลงไปมากนัก รวมทั้ง บริษัทจะมีการลดการทำงานล่วงเวลาของพนักงานลง จากปกติเฉลี่ย 600 ชม./เดือน เหลือประมาณ 450-500 ชม./เดือน และจะมีการพิจารณาปรับลดเงินเดือนผู้บริหารด้วย

"แต่ยืนยันว่าจะไม่ลดจำนวนพนักงาน เนื่องจากเป็นพนักงานที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง แต่จะลดในส่วน Outsources ออกไป"นายวรพจน์ กล่าว

ขณะที่ บมจ.ไทยสแตนเลย์การไฟฟ้า(STANLY)คาดยอดออร์เดอร์ในปี 52 ลดลงแน่นอน แต่ขอรอประเมินภาพชัดเจนเดือนเม.ย.52 เพราะปัจจุบันบริษัทมีออร์เดอร์ถึงมี.ค.52 แล้ว แต่ก็ต้องปรับกลยุทธ์โดยการพยายามรักษาต้นทุนไว้ ควบคุมค่าใช้จ่าย รวมทั้งพิจารณาปรับเปลี่ยนแผนขยายโรงงานแห่งใหม่ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตรองรับออเดอร์สำหรับโครงการอีโคคาร์ มาเป็นใช้วิธีปรับปรุงโรงงานเก่า Innovate ไปก่อน เพราะกว่าออร์เดอร์อีโคคาร์จาก HONDA จะเข้ามาก็ปี 53 เมื่อถึงเวลานั้นค่อยมาดูเรื่องโรงงานใหม่อีกครั้ง หรือไม่ก็รอจนกว่าจะเห็นโมเดลรถอีโคคาร์ออกมา


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ