บมจ.พีเออี(ประเทศไทย) หรือ PAE ยอมรับผลประกอบการปี 51 คงไม่เป็นไปตามเป้าหมายรายได้ 700 ล้านบาท เนื่องจากงวด 9 เดือนแรกของปีทำรายได้แค่ 257 ล้านบาท ขณะที่ Backlog ก็ไม่ถึง 2,000 ล้านบาทแล้ว เนื่องจากสถานการณ์รอบด้านเปลี่ยนแปลงไปมาก โดยเฉพาะงานในตะวันอออกกลางเลื่อนก่อสร้างออกไปจากผลกระทบภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว แต่ยังมีลุ้นงานใหญ่ที่อยู่ระหว่างการเจรจาที่น่าจะเห็นความชัดเจนในเดือนม.ค.52 ทำให้มีหวังว่าจะสามารถทำกำไรได้ในปีหน้า
"โครงการทางตะวันออกกลางเลื่อนออกไป จากที่คาดการณ์ว่าจะเริ่มเดือนพ.ย.-ธ.ค.51 เนื่องจากมีเหตุการณ์ทางด้านเศรษฐกิจ ซึ่งเรากำลังคุยกันอยู่ งานที่เจรจาไว้เป็นงานค่อนข้างใหญ่" นายศุขสนั่น โชติกเสถียร กรรมการผู้จัดการ PAE กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
ทั้งนี้ ในไตรมาส 4/51 ผลประกอบการคงจะคาดเคลื่อนไปจากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ ทำให้ไม่แน่ใจว่าทั้งปีจะทำได้ตามเป้าหมายหรือไม่ โดยงวด 9 เดือน มีรายได้รวมประมาณ 257 ล้านบาท และมีผลขาดทุนสุทธิ 135 ล้านบาท แต่ปีหน้าเรามั่นใจว่าทุกอย่างปรับปรุงมาจะเริ่มทำงานได้
สำหรับงานในมือ(backlog)ณ สิ้นปีนี้คงจะไม่ถึงเป้าหมาย 2,000 ล้านบาทแล้ว เพราะเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงไปมาก บริษัทจะมีการประเมินอีกครั้งในราวเดือนม.ค.52
อย่างไรก็ตาม ในปีหน้าน่าจะได้เห็นงานชิ้นแรกเข้ามาจากผู้ถือหุ้นใหญ่ GPS ซึ่งเป็นบริษัทแม่ เป็นงานทางด้าน oil&gas เป็นงานโครงสร้างเหล็ก Fabrication ของ Chevron มูลค่าประมาณ 240 ล้านบาท
"เชฟรอน confirm แล้ว ประมาณเดือนม.ค.จะเซ็น MOU ได้ตัวเลขที่แน่นอน รายละเอียด ทุกอย่างจะชัดเจนหลังม.ค.52 เป็นงานหลาย contract ทยอยรับรู้ไม่ใช่เป็นครั้งเดียวแต่เป็น 3-4 ยูนิต เริ่มทำปีหน้าและรับรู้รายได้ทันทีโดยจะทยอยรับรู้"นายศุขสนั่น กล่าว
ส่วนงานของ LNG Liquefaction plant Songkla มูลค่า 2.5 พันล้านบาท คงเลื่อนออกไปก่อน เพราะสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ลดลงอย่างมากและมีแนวโน้มที่จะลดลงอีกในวันข้างหน้าส่งผลกระทบต่อโครงการประเภทพลังงานทดแทนทั้งหลาย
"ตอนนี้ก็ทำใจแล้ว หลังปีใหม่ต้องดูว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร จะเลื่อนออกไปเป็นเมื่อไรยังไม่ทราบ ตอนนี้ก็ลำบากเหมือนกันในเรื่องพลังงานทดแทนและทางด้าน NGV ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้เสมอ"นายศุขสนั่น กล่าว
*ยังหวังเห็นกำไรในปี 52 รอประเมินงานก่อน
ส่วนปีหน้าจะเป็นกำไรได้หรือไม่ นายศุขสนั่น กล่าวว่า จะพยายามจะทำให้เป็นกำไร ส่วน backlog ต้องนี้มีการปรับปรุงหลายอย่างคิดว่าต้องหลังม.ค.52 จึงจะรู้ตัวเลขที่แท้จริง ส่วนข่าวที่ว่าปี 52 มี backlog อยู่ที่ 2,200 ล้านบาทนั้น เป็นเพียงการคาดการณ์ไว้เท่านั้น
"เราไม่ได้ทำจบในปีเดียว แต่เป็น backlog ที่ประมาณการไว้" นายศุขสนั่น กล่าว
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์น้ำมันตอนนี้มีการเปลี่ยนแปลงมาก จึงคาดว่าเจ้าของโครงการเองก็คงดำเนินงานล่าช้าออกไปอีก นอกจากงาน LNG ที่เลื่อนออกไปแล้ว ยังมีงานก่อสร้างในตะวันออกกลางที่คาดว่าจะต้องเลื่อนแน่นอน แต่ก็มีงานต่างประเทศที่กำลังเจรจาอยู่บ้าง ทั้งหมดจะมีความชัดเจนในเดือน ม.ค.52 โดยเป็นงานใหญ่ที่เป็นงานต่อเนื่อง
"ถ้า 2 โครงการนี้ยังไม่แน่นอนปีหน้าก็ยังไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรต้องประเมินใหม่เพราะสถานการณ์เปลี่ยนแปลงเร็วมากช่วงนี้ซึ่งเราประเมินไม่ได้เลยเจ้าของโครงการแต่ละโครงการอันไหนเดินอันไหนล่าช้าออกไป"นายศุขสนั่น กล่าว
ผู้บริหาร PAE กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองในประเทศไม่ได้กระทบกับบริษัทมากเท่าการเปลี่ยนแปลงของภาวะราคาน้ำมัน เพราะงานด้านหนึ่งของบริษัทเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจพลังงาน
สำหรับงานรับเหมาก่อสร้างโครงการ The Nava Privacy ของ NNCL เริ่มทำแล้วจะเริ่มรับรู้รายได้มี income เข้ามาบ้างในปีนี้ ส่วนงานก่อสร้างสถานีไฟฟ้าแรงสูงเริ่มทำงานไปแล้วเริ่มรับรู้เล็กน้อย
นายศุขสนั่น กล่าวว่า การปรับตัวขึ้นมาของราคาหุ้น PAE ในระยะก่อนหน้านี้อาจจะเป็นเพราะงานที่บริษัทได้ปรับปรุงทั้งหมดที่ผ่านมาแล้วเสร็จ และงานเริ่มเข้ามาแล้ว งานซับคอนแทรกต่างๆ ภายในเดือนนี้ก็เริ่มและสิ้นเดือนนี้ถึงต้นปี 52 ก็จะเริ่มรับรู้รายได้เข้ามา