PTT คาดปี 52 กำไรใกล้เคียงปีนี้แม้รายได้ต่ำกว่า เหตุไม่มี stock loss

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday December 25, 2008 15:19 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท.(PTT) คาดว่า รายได้ของปตท.ในปี 51 จะอยู่ที่ประมาณ 2 ล้านล้านบาท สูงกว่าปี 50 แต่จากราคาน้ำมันที่ผันผวน ทำให้เกิดการขาดทุนจากการสต๊อกน้ำมัน(Stock Loss)โดยเฉพาะไตรมาส 4/51 ส่งผลให้กำไรลดลงต่ำกว่าปีก่อน

ส่วนในปี 52 เชื่อว่าจะไม่มีปัญหาเรื่อง Stock Loss ทำให้คาดว่าจะมีกำไรใกล้เคียงปีนี้ แม้ว่าราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงจะทำให้รายได้ต่ำกว่าก็ตาม

นายประเสริฐ กล่าวว่า สภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในปี 52 จะส่งผลกระทบต่อกำไรของธุรกิจน้ำมันทั่วโลกลดลง โดยคาดว่าราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยในปีหน้าจะลดลงไปที่ 50 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากหลายโรงกลั่นหยุดผลิตชั่วคราวหรือปิดฐานการผลิต แต่หลังจากที่ไตรมาส 3/52 ราคาน้ำมันน่าจะดีดตัวขึ้นมาสะท้อนต้นทุนที่เหมาะสม และจากนั้นในปี 53 ราคาจะปรับเพิ่มเป็น 60-70 ดอลลาร์/บาร์เรล

ปตท.เองก็ต้องมีการปรับตัวให้เหมาะสม โดยมีการบริหารเงินสดและพิจารณาสินเชื่อต่างของลูกค้าให้เหมาสม และในระยะนั้น คงต้องชะลอการลงทุนในโครงการที่ไม่จำเป็น แต่โครงการระยะยาวที่จำเป็นจะเดินหน้าตามแผนลงทุน 5 ปีที่กลุ่ม ปตท.กำหนดงบลงทุนไว้ในระดับ 8-9 แสนล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจก๊าซ 4 แสนล้านบาท ที่เหลือเป็นส่วนอื่นๆ โดยเป็นงบลงทุนของปตท.เองประมาณ 2.3 แสนล้านบาท เช่น โครงการท่อก๊าซ โรงแยกก๊าซ คลังก๊าซแอลเอ็นจี เป็นต้น

สำหรับโครงการที่ต้องชะลอการลงทุนออกไป เช่น โรงแยกก๊าซ 7 เนื่องจากโรงไฟฟ้าไอพีพีคงจะต้องชะลอการลงทุนออกไป ดังนั้น ท่อเอ็นจีวีต่างๆ แต่ทั้งนี้ต้องดูความเหมาะสม

นายประเสริฐ กล่าวว่า ในภาวะที่ราคาน้ำมันลดต่ำมาก จนกระทั่งเหลืออยู่ที่ระดับ 30-40 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล น่าจะใช้โอกาสนี้ปรับโครงสร้างราคาพลังงานให้เหมาะสมโดยกรณีภาษีน้ำมันน่าจะมีการทบทวนปรับขึ้นไปได้ในอัตราเดิม รวมทั้งนโยบายเรื่องราคาก๊าซแอลพีจีและเอ็นจีวี อยู่ที่รัฐบาลว่าจะมีนโยบายอย่างไร

แต่เห็นว่าในช่วงนี้เป็นช่วงที่เหมาะสมที่จะลอยตัวราคาแอลพีจีได้ เพราะราคาในตลาดโลกปรับลดลงมาใกล้เคียงกับราคาหน้าโรงกลั่น ส่วนเอ็นจีวีต้องอยู่ที่รัฐบาลจะตัดสินใจอย่างไร ซึ่งปตท.ขายขาดทุนจากการจำหน่าย และลงทุนไปแล้วจำนวนมาก หากไม่มีการปรับขึ้นเลยจะส่งผลกระทบ และจะทำให้ขาดทุนมากขึ้น เป็นข้อจำกัดการลงทุนในอนาคต


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ