AITคาดปี 52 รายได้โต 10%, สิ้นปี 51 Backlog เพิ่มเป็น 1.5 พันลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday December 26, 2008 09:46 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายศิริพงษ์ อุ่นทรพันธุ์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ. แอ็ดวานซ์ อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี (AIT) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ยังคงมั่นใจว่าผลการดำเนินงานในปี 52 จะสามารถรักษาระดับอัตราการเติบโตที่ 10% หรือมีรายได้อยู่ที่ 3,300 ล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีมูลค่างานในมือ (Backlog) ที่รอรับรู้ในปีหน้าอยู่ที่ระดับ 800 ล้านบาท และคาดว่าภายในสิ้นปี 51 จะเพิ่มขึ้นเป็น 1,500 ล้านบาท จากโครงการลงทุนภาครัฐที่ยังเดินหน้าอยู่อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ บริษัทฯมีสัดส่วนรายได้หลักกว่า 80% มาจากโครงการภาครัฐ รวมถึงการบริหารภายในบริษัทฯเองที่ให้ความสำคัญอย่างยิ่งในเรื่องการทำงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด การใช้จ่ายงบประมาณที่จำเป็นและเกิดประโยชน์สูงสุด และการควบคุมการเติบโตด้านจำนวนคน จึงเชื่อว่าจะสามารถสร้างการเติบโตด้านกำไรได้

ถึงแม้ภาวะเศรษฐกิจในปี 52 ที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง ย่อมส่งผลกระทบต่อการลงทุนของภาคธุรกิจโดยรวม โดยเฉพาะการลงทุนภาคเอกชนที่ต้องยอมรับว่า จะมีการใช้จ่ายที่รัดกุมมากขึ้น ดังนั้น ในปีหน้าการลงทุนของภาครัฐจึงจะกลายเป็นแรงผลักดันสำคัญและนับเป็นกลไกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เนื่องจากการลงทุนภาครัฐจะเป็นเครื่องยนต์หลักที่ทำงานอย่างเต็มที่ ซึ่งในส่วนนี้ จะส่งผลดีกับบริษัทฯ

นายศิริพงษ์ กล่าวว่า ในไตรมาส 4/51 บริษัทฯยังคงเดินหน้าเข้าประมูลงานใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง และมีหลายโครงการที่สามารถชนะการประมูล โดยยังมั่นใจว่า ในปี 51 บริษัทฯ จะสามารถเติบโตตามเป้าที่ระดับ 3,000 ล้านบาทแน่นอน อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า ในปัจจุบันราคาหุ้นของ AIT ยังต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานเมื่อพิจารณาจากมูลค่าหุ้นตามบัญชีที่ระดับ 13.72 บาทต่อหุ้น ขณะที่บริษัทฯ เองยังมีความสามารถในการสร้างผลกำไรให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

ส่วนการที่ภาครัฐจะสนับสนุนการแปรรูปรัฐวิสาหกิจนั้น ก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดี เพราะนอกจากจะทำให้เกิดการแข่งขันอย่างเสรีทั้งด้านคุณภาพและค่าบริการแล้ว ยังจะลดภาระด้านงบประมาณของรัฐ ในขณะที่ผู้บริโภคหรือประชาชนทั่วไปก็น่าจะได้รับการบริการที่ดีกว่ารวมทั้งค่าบริการ ถือเป็นโอกาสทางธุรกิจกับบริษัทฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนด้านสื่อสารโทรคมนาคมที่จำเป็นต้องพัฒนาให้มีบริการที่ทันต่อความต้องการของผู้ใช้บริการ และการเปลี่ยนแปลงของโลกปัจจุบัน

"การลงทุนเรื่องของระบบ 3G และอินเทอร์เน็ตระบบ WiMAX ผมเชื่อว่ายังน่าเดินหน้าถึงแม้เศรษฐกิจจะชะลอตัว เทคโนโลยีใหม่ๆเหล่านี้ไม่ใช่เป็นค่าใช้จ่าย แต่เป็นการลงทุนทางธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว ซึ่งหลีกเลี่ยงหรือล่าช้าไม่ได้ เพราะจะขาดความสามารถในการแข่งขัน นอกจากนั้นผมยังเชื่อว่าสถาบันหรือองค์กรต่างๆ จะต้องให้ความสำคัญด้านประสิทธิภาพการทำงาน และนั่นหมายถึงโอกาสของผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยีที่เป็นส่วนสำคัญในการปรับปรุงประสิทธิภาพ" นายศิริพงษ์กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ