นายวีระ บูรพชัยศรี ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ. เมโทรสตาร์ พร็อพเพอร์ตี้ (METRO) เปิดเผยกับ "อินโฟเควสท์" ว่า บริษัทได้มีการปรับแผนการบริหารงานในปี 2552 เนื่องจากเป็นการรองรับกับสถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอนสูงโดยเฉพาะเศรษฐกิจที่คาดว่าจะชะลอตัวลงซึ่งส่งผลกระทบต่อการชะลอการซื้อบ้านแน่นอน ด้วยการปรับโดยเอารายได้จากค่าเช่าในโครงการ "สาทร- วิสต้า" ที่มูลค่าโครงการ 2.5 พันล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการเซอร์วิส อพาร์ทเมนท์ ในซอยสวนพลูมารับรู้รายได้แทนรายได้จากการขายโครงการ และยังเป็นการทดแทนรายได้จากกองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่ตามแผนจะโครงการสาทร-วิสต้า อยู่ในกองทุนแต่จังหวะและสภาพตลาดที่ไม่เอื้ออำนวย ซึ่งโครงการสาทร วีสต้า คาดว่าจะเปิดอย่างเป็นทางการในช่วงสิ้นเดือน ธ.ค นี้และจะบุ๊ครายได้ต้นปีโดยปัจจุบันมีลูกค้าต่างชาติจองแล้ว
ทั้งนี้ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่จะเสนอขายมีมูลค่า 2.3 พันล้านบาทนั้น ยอมรับว่าประเมินได้ค่อนข้างยากที่จะเห็นการออกในช่วงไหนของปีหน้าจากแผนเดิมในปี 2551 นอกจากนี้บริษัทยังชะลอและเลื่อนการเปิดโครงการใหม่และการซื้อที่ดินออกไปก่อนเพื่อพักรอดูสถานการณ์ก่อนเพื่อความปลอดภัยต่อธุรกิจ ขณะที่โครงการเดิมก็จะพยามยามบริหารให้เหลือน้อยหรือปิดโครงการให้เร็ว ซึ่งปัจจุบันมีประมาณ 100 ล้านบาทจากสินทรัพย์ที่มีอยู่ทั้งหมด 3 พันล้านบาท
"บรรยากาศในตอนนี้ผมไม่อยากจะคุยเลย ทุกคนเจอปัญหากันหมดเศรษฐกิจไม่ดี กำลังซื้อหด ซึ่งการกอดเงินสดจะเป็นสิ่งที่ดีสุดตอนนี้เมื่อสถานการณ์กลับมาดีเราก็พร้อมที่จะทำอะไรได้ก่อน และอุ่นใจด้วย และผมก็เชื่อว่าการชะลอขึ้นโครงการใหม่หรือซื้อที่ดินใหม่ออกไปไม่เป็นเรื่องที่แปลกอะไรภายใต้สถานการณ์อย่างนี้ และชดเชยผลกระทบในการดำเนินงานปี 2552 ไม่ให้ลดลงแรง " นายวีระกล่าว
ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ กล่าวต่อว่า จากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ชะลอตัวทำให้ยอมรับว่าประเมินการเติบโตของยอดขายและรายได้ลำบาก และที่วางไว้ในปี 2552 ที่กว่า 3 พันล้านบาทก็ไม่แน่ใจภายใต้สถานการณ์อย่างนี้ แต่ในส่วนกำไรตอนนี้ก็ดีขึ้นหลังจากที่บริษัทขายที่ดินย่านสาทรไปแต่ในส่วนของรายได้ในปี 2551ยังคงเติบโตได้ตามเป้าที่ 2 พันล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่มาจากโครงการเดิมๆ แม้ผลประกอบการในไตรมาส 4/2551 อาจไม่โดดเด่นจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจและกำลังซื้อหด