ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (29 ธ.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง และราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นไปยืนเหนือระดับ 40 ดอลลาร์/บาร์เรลทำให้นักลงทุนกังวลว่าเศรษฐกิจโลกอาจถดถอยรุนแรงกว่าที่คาดไว้ นอกจากนี้ ตาดยังได้รับแรงกดดันจากข่าวที่ว่าคูเวตได้ถอนตัวออกจากโครงการลงทุนร่วมกับบริษัท ดาว เคมิคัล
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 31.62 จุด หรือ 0.37% แตะที่ 8,483.93 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 3.38 จุด หรือ 0.39% แตะที่ 869.42 จุด และ ดัชนี Nasdaq ปิดลบ 19.92 จุด หรือ 1.30% แตะที่ 1,510.32 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 875.4 ล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 3 ต่อ 2 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 1.17 พันล้านหุ้น
ทอดด์ ลีออง นักวิเคราะห์จากบริษัท โคเวน แอนด์ โค กล่าวว่า "ตลาดหุ้นนิวยอร์กถูกปกคลุมด้วยกระแสความวิตกกังวลเรื่องความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างกองกำลังทหารฮามาสและอิสราเอล หลังจากทั้งสองฝ่ายยิงอาวุธเข้าต่อสู้กันจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 300 ราย และบาดเจ็บอีกจำนวนมาก ซึ่งข่าวการปะทะกันครั้งนี้ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX พุ่งขึ้นไปอยู่เหนือระดับ 40 ดอลลาร์/บาร์เรล"
อิสราเอลไม่สนใจคำร้องขอจากนานาชาติ รวมถึงองค์การสหประชาชาติ ที่ขอให้ยุติการปะทะกับกองกำลังทหารฮามาส โดยคณะรัฐมนตรีอิสราเอลมีมติให้เพิ่มกำลังทหารกองทุนอีก 7,000 นาย ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณว่าปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในบริเวณฉนวนกาซาซึ่งถูกครอบครองโดยกลุ่มฮามาสตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น อาจตามมาด้วยการโจมตีทางภาคพื้นดิน เพื่อตอบโต้กลุ่มฮามาสที่ยิงจรวดเข้าใส่ดินแดนอิสราเอล
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากข่าวที่ว่ารัฐบาลคูเวตได้ตัดสินใจยกเลิกข้อตกลงที่จะร่วมทุนกับดาว เคมิคัล บริษัทเคมีรายใหญ่สุดของสหรัฐ เป็นเงิน 17,400 ล้านดอลลาร์แล้ว ซึ่งส่งผลกระทบต่อดาว เคมิคัลซึ่งมีแผนการที่จะนำเงินไปใช้หนี้ที่จะต้องแบกภาระเมื่อต้องเข้าไปถือสิทธิ์ในบริษัทโรห์ม แอน์ แฮสส์ในต้นปีพ.ศ. 2552
สำนักข่าวคูนารายงานว่า ที่ประชุมสภาปิโตรเลียมสูงสุดของคูเวตตัดสินใจยกเลิกสัญญากับดาว เคมิคัล ซึ่งสอดคล้องกับการคัดค้านของรัฐสภาคูเวต โดยในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาบริษัทปิโตรเคมิคอล อินดัสทรีส์ โค (พิค) ได้ทำข้อตกลงกับดาว เคมิคอล เพื่อตั้งบริษัทร่วมทุนชื่อ เค-ดาว ปิโตรเคมิคอลส์ และคูเวตมีกำหนดต้องจ่ายเงิน 7,500 ล้านดอลลาร์ ซึ่งข้อตกลงนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ของดาว เคมิคอลที่จะลดความเสี่ยงทางธุรกิจ แต่ข้อตกลงดังกล่าวได้สร้างความไม่พอใจให้กับสมาชิกรัฐสภาคูเวตที่มองว่าโครงการนี้ไม่สามารถเติบโตได้ในเชิงเศรษฐกิจในขณะที่เกิดวิกฤติการเงินทั่วโลกและยอดขายปิโตรเคมีตกต่ำ
อเล็กซานเดอร์ แพริส นักวิเคราะห์จากแบร์ริงตัน รีเสิร์ช กล่าวว่า สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางและวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นกับดาว เคมิคอล เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้นักลงทุนกระหน่ำขายหุ้นเพราะเชื่อว่าสถานการณ์ในช่วงปลายปีอาจย่ำแย่ จึงต้องการถือเงินสดไว้ในมือก่อนที่จะกลับเข้าเทรดอีกครั้งหลังปีใหม่
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับยอดค้าปลีกในช่วงเทศกาลปีใหม่ หลังจากมาสเตอร์การ์ด แอ็ดไวเซอร์ส เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกในสหรัฐช่วงเทศกาลคริสต์มาสร่วงลง 4%ขณะที่ช็อปเปอร์แทร็ค อาร์ซีที ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยผู้บริโภคที่มีชื่อเสียงของสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกในช่วงก่อนเทศกาลคริสต์มาสของสหรัฐร่วงลง 24% จากปีที่แล้ว ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวอาจทำให้วันหยุดในเทศกาลปีใหม่ของสหรัฐปีนี้อาจเป็นฤดูกาลที่เงียบเหงาที่สุดในรอบ 40 ปี
หุ้นกลุ่มพุ่งขึ้นหลังจากราคาน้ำมันทะยานขึ้น 6% เนื่องจากข่าวการสู้รบระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส ขณะที่หุ้นดาว เคมิคัลดิ่งลงสู่จุดต่ำสุดในรอบกว่า 10 ปี ส่วนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ดิ่งลง โดยหุ้นรีเสิร์ช อิน โมชัน ร่วงลง 5% และหุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ รูดลง 1.6%