ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งขึ้นกว่า 100 จุดเมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นการปรับฐานขึ้นแข็งแกร่งสุดในรอบเกือบ 3 สัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นสินค้าโภคภัณฑ์อย่างเนืองแน่น หลังจากราคาน้ำมันดิบและราคาโลหะทะยานขึ้น
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ปิดพุ่งขึ้น 102.76 จุด หรือ 2.44% แตะที่ 4,319.35 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 4,216.59-4,326.25 จุด
ไฮโน โรแลนด์ นักวิเคราะห์จากบริษัท FrankfurtFinanz Partner กล่าวว่า หุ้นสินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มโลหะ ทะยานขึ้นแข็งแกร่ง หลังจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกทะยานขึ้นไปยืนเหนือระดับ 40 ดอลลาร์/บาร์เรล อันเนื่องมาจากข่าวการสู้รบระหว่างอิสราเอลและกองกำลังฮามาส โดยหุ้นบีพี ซึ่งเป็นบริษัทผลิตน้ำมันรายใหญ่สุดของยุโรป พุ่งขึ้น 3.7% หุ้นเชลล์ ดีดขึ้น 3.2%
ส่วนหุ้นกลุ่มเหมืองพุ่งขึ้นหลังจากราคาทองแดงทะยานขึ้นเพราะได้แรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวลง โดยหุ้นริโอทินโตพุ่งขึ้น 5.5% หุ้นแองโกล อเมริกัน ดีดขึ้น 5.5% หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน พุ่งขึ้น 4.1% หุ้นอันโตฟากัสต้าปิดบวก 2.5% และหุ้นคาซัคมิส ดีดขึ้น 5.6%
นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้น โดยหุ้นธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด พุ่งขึ้น 3.7% หุ้นธนาคารบาร์เคลย์ส ปิดบวก 5.1 และหุ้นธนาคาร HBOS พุ่งขึ้น 7.1%
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในอังกฤษ หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3 หดตัวถึง 0.6% จากระดับไตรมาส 2 นับเป็นสถิติการหดตัวที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี พ.ศ.2533 และยังเป็นสถิติที่อ่อนตัวลงมากกว่าคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 0.5%
บริษัทโฮมแทรคซึ่งเป็นที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ระบุในผลสำรวจรายเดือนว่า ราคาที่อยู่อาศัยในอังกฤษและเวลส์ร่วงลง 8.7% ในนี้ ซึ่งส่งผลให้ราคาบ้านโดยเฉลี่ยร่วงลงเหลือเพียง 159,900 ปอนด์ (235,800 ดอลลาร์) ขณะที่หนังสือพิมพ์เดอะ ไทมส์รายงานว่า สถาบันบุคลากรและการพัฒนาที่ได้รับอนุญาต ของอังกฤษระบุว่า ภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะส่งผลให้การจ้างงานลดลง 600,000 ตำแหน่งในปีหน้า