นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยหลังการหารือเจ้าหนี้ของบล. เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ (TSFC) ว่า ในวันนี้ทางเจ้าหนี้ได้มีการกำหนดกรอบเวลาให้ TSFC ดำเนินการในเรื่องการเพิ่มทุน การปรับโครงสร้างหนี้โดยแปลงหนี้เป็นทุน รวมทั้งแผนงานของ TSFC เองที่จะต้องจูงใจและสร้างความมั่นใจให้กับผู้เข้าร่วมลงทุนรายใหม่ด้วย โดยให้เวลา 1 เดือนหลังจากนี้
"การหารือในวันนี้ยังไม่มีความชัดเจนมาก เนื่องจากเป็นเพียงการหารือกับเจ้าหนี้เพียงบางส่วนเท่านั้น โดยจะมีการเรียกเจ้าหนี้อีกครั้งในสัปดาห์แรกของเดือนม.ค.52" นางภัทรียา กล่าว
ส่วนการยื่นแผนให้ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)พิจารณานั้น คงจะต้องให้ภาพตรงนี้มีความชัดเจนก่อน แต่ก็จะพยายามดำเนินการให้ได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด และจะมีการแจ้งข้อมูลถึงขั้นตอนให้ ก.ล.ต.รับทราบอย่างต่อเนื่อง
นางนงราม วงษ์วานิช รองผู้จัดการ หัวหน้านสายงานบริหาร ตลท.กล่าวว่า การประชุมเจ้าหนี้ในวันนี้มีความคิดเห็นในเชิงบวก ซึ่งเจ้าหนี้ที่เป็นธนาคารพาณิชย์พร้อมที่จะสนับสนุน TSFC แต่มีเงื่อนไขที่จะต้องดำเนินการในเรื่องการชำระหนี้ให้เร็วมากขึ้นจากเดิมที่ล่าช้า
และจากการประชุมมีผู้แสดงความสนใจที่จะเข้าร่วมทุนใหม่รายหลาย และเจ้าหนี้เองก็พร้อมจะแปลงหนี้เป็นทุน แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถกำหนดจำนวนได้ ต้องรอหารือกับเจ้าหนี้ให้ครบทุกราย แต่เชื่อว่าการเพิ่มทุนจะทำได้ 1 พันล้านบาท
"TSFC มีเจ้าหนี้หลายรูปแบบ จึงต้องเรียประชุมให้ครบอีกครั้ง เพื่อจะได้กำหนดทิศทาง และ รูปแบบในการปรับโครงสร้างหนี้ เพิ่อจะได้ตรงกับความต้องการของเจ้าหนี้และผู้ถือหุ้น"นางนงราม กล่าว
ด้านนายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานคณะกรรมการ ตลท.กล่าวว่า การช่วย TSFC คือ การเพิ่มทุน ซึ่งคงมีรูปแบบมากกว่า 1 รูปแบบแน่นอน แต่อยู่ที่ว่ารูปแบบไหนจะเหมาะสม โดยได้มีการตั้งเป็นอนุกรรมการขึ้นมา โดยมีตัวแทนจากสถาบันเจ้าหนี้และคณะกรรมการตลาดมาคอยดำเนินการเรื่องนี้