ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ (31 ธ.ค.) ซึ่งเป็นวันซื้อขายวันสุดท้ายของปี 2551 เนื่องจากแรงซื้อที่ส่งเข้าหนุนหุ้นสินค้าโภคภัณฑ์
ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวขึ้น 41.49 จุด หรือ 0.9% แตะที่ 4,434.17 จุดเมื่อวันพุธ ขณะที่ตลอดปี 2551 FTSE 100 ร่วงลง 31% มากที่สุดนับตั้งเริ่มพัฒนาดัชนีขึ้นในปีพ.ศ.2528 ซึ่งช่วงขาลงของตลาดหุ้นลอนดอนนำโดยหุ้นกลุ่มธนาคารและโภคภัณฑ์ เนื่องจากการขาดทุนที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยสินเชื่อและการลดมูลค่าทางบัญชีของบรรดาบริษัทการเงินเป็นมูลค่ามากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ ได้นำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ ยุโรป และญี่ปุ่นอย่างพร้อมเพรียงกันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง
หุ้นกลุ่มเหมืองปรับตัวขึ้น โดยหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน บริษัทเหมืองแร่รายใหญ่สุดของโลก ไต่ขึ้น 1.3% จากการคาดการณ์ที่ว่าราคาทองจะปรับตัวขึ้นต่อเนื่องในปีหน้า ส่วนหุ้นริโอ ทินโต เพิ่มขึ้น 2.9% หลังจากที่บริษัทกล่าวว่าจะขายหุ้นที่ถืออยู่ในบ.อลูมินัมรายหนึ่งของจีนให้แก่หุ้นส่วนเพื่อช่วยลดหนี้
ขณะที่หุ้นกลุ่มสื่อสารได้รับแรงซื้อส่งเข้าหนุนเช่นกัน โดยหุ้นโวดาโฟนปิดบวก 2.1% หลังจากที่เครดิตสวิส กรุ๊ป แนะนักลงทุนซื้อหุ้นโวดาโฟน ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือรายใหญ่สุดในโลก
เจมส์ ฮิวจ์ นักวิเคราะห์จากซีเอ็มซี มาร์เก็ตส ในกรุงลอนดอนกล่าวว่า ราคาทองและโลหะช่วยหนุนดัชนี FTSE ถ้าสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้อยู่ ตลาดหุ้นก็จะเดินหน้าได้ต่อในสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้ บลูมเบิร์กรายงานว่า การร่วงลงของ FTSE 100 ในปีนี้ ถือว่าน้อยที่สุดในบรรดาตลาดใหญ่ 20 แห่งของโลก เมื่อวัดจากสกุลเงินท้องถิ่น แต่ถ้าคำนวณจากสกุลเงินดอลลาร์ FTSE 100 ดิ่งลงถึงกว่า 49%