ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (2 ม.ค.) ซึ่งเป็นวันซื้อขายวันแรกของปี 2552 โดยดัชนีทะยานขึ้นไปปิดเหนือระดับ 9,000 จุดได้เป็นครั้งแรกในรอบ 2 เดือน ขณะที่นักลงทุนไม่มีปฏิกิริยาต่อการรายงานดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐประจำเดือนธ.ค. 2551 ที่ดิ่งลงรุนแรงที่สุดในรอบ 28 ปี
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดพุ่ง 258.30 จุด หรือ 2.94% แตะที่ 9,034.69 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 28.55 จุด แตะที่ 931.80 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 55.18 จุด แตะที่ 1,632.21 จุด
สำนักงานจัดการอุปทาน (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐประจำเดือนธ.ค.2551ทรุดตัวลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 28 ปีมาอยู่ที่ 32.4 จุดจากระดับ 36.2 จุดในเดือนพ.ย. ซึ่งดิ่งลงหนักกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 35.5 จุด จากผลกระทบของอุปสงค์ที่ซบเซาในกลุ่มสินค้าประเภทรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้าน ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก ซึ่งตัวเลขเศรษฐกิจดังกล่าวเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า โรงงานหลายแห่งจะปรับลดการผลิตและปลดพนักงานอีกหลายตำแหน่งในปี 2552
คาร์ล เบ็ก นักวิเคราะห์จากแฮร์ริส ไฟแนนเชียล กรุ๊ป ในรัฐเวอร์จิเนียกล่าวว่า ข้อมูลเศรษฐกิจเลวร้ายมาตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ดังนั้นนักลงทุนจึงไม่แปลกใจที่ได้เห็นรายงานดัชนีภาคการผลิตที่ปรับตัวลดลง
อย่างไรก็ตาม แม้ดัชนีการซื้อขายในตลาดหุ้นวอลล์สตรีจะออกตัวแรงด้วยการทะยานขึ้นปิดในแดนบวกในการซื้อขายวันแรกของปี 2552 แต่บรรยากาศการซื้อขายยังเป็นไปอย่างเหงียบเหงาหลังจากผ่านพ้นวันหยุดช่วงเทศกาลขึ้นปีใหม่ โดยนักลงทุนส่วนใหญ่รอเวลาที่จะเริ่มซื้อขายอีกครั้งในวันจันทร์
ทั้งนี้ หุ้นบริษัทเจนเนอรัล มอเตอร์ หรือจีเอ็ม ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐปิดทะยานขึ้น 14.06% หลังจากที่บริษัทได้เงินกู้ฉุกเฉินก้อนแรกมูลค่า 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐจากรัฐบาล
ด้านหุ้นซิตี้กรุ๊ปทะยานขึ้น 6.41% ขานรับความเคลื่อนไหวของซีอีโอและประธานบริษัทที่ยอมสละเงินโบนัสประจำปี 2551