นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กจะเคลื่อนตัวผันผวนในสัปดาห์นี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญๆของสหรัฐ รวมถึงดัชนีภาคการผลิตประจำเดือนธ.ค. 2551 ที่ทรุดตัวลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 28 ปี เนื่องจากความต้องการของสินค้าประเภทรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้าน ปรับตัวลดลง อันเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก ซึ่งตัวเลขเศรษฐกิจดังกล่าวเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า โรงงานหลายแห่งจะปรับลดการผลิตและปลดพนักงานอีกหลายตำแหน่งในปี 2552
สำนักงานจัดการอุปทาน (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 32.4 จุดในเดือนธ.ค. จากระดับ 36.2 จุดในเดือนพ.ย. ซึ่งดิ่งลงหนักกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 35.5 จุด มาร์ก วิทเนอร์ นักวิเคราะห์จากวาโชเวีย คอร์ป กล่าวว่า แม้ดัชนีภาคการผลิตเดือนธ.ค.ของสหรัฐร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 28 ปี แต่ดัชนีดาวโจนส์ยังสามารถปิดพุ่งขึ้น 258.30 จุด หรือ 2.94% แตะที่ 9,034.69 จุดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ก็เพราะนักลงทุนต้องการเทขายทำกำไรเพื่อถือเงินสดไว้ใช้ในการปรับพอร์ทการลงทุน แต่เมื่อธุรกรรมดังกล่าวผ่านพ้นไป ภาวะการซื้อขายในตลาดจะกลับมาผันผวนอีกครั้งเนื่องจากความกังวลเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจ
สำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยเอกชนของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐในเดือนธ.ค.ร่วงลงแตะระดับ 38 จุด จากเดือนพ.ย.ที่ 44.7 จุด และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ 45 จุด
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาดูความเคลื่อนไหวของ จีแม็ก แอลแอลซี (GMAC) ซึ่งเป็นบริษัทสินเชื่อเพื่อรถยนต์ในเครือ (จีเอ็ม) หลังจากกระทรวงการคลังสหรัฐเข้าซื้อหุ้นมูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์ในจีแม็กซ์ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อนุมัติให้จีแม็ก เปลี่ยนสถานะเป็นธนาคารโฮลดิ้ง เพื่อเปิดทางให้จีแม็กสามารถเข้าถึงกองทุนฟื้นฟูภาคการเงิน 7 แสนล้านดอลลาร์ของรัฐบาลสหรัฐ และจะทำให้จีแม็กสามารถปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อยานยนต์ให้กับลูกค้าจีเอ็มได้ต่อไป