PLE คาดปี 52 พลิกกำไรจากมาร์จิ้นฟื้น เล็งกวาดงานใหม่ 1.0-1.5 หมื่นลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday January 5, 2009 11:09 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.เพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง(PLE)คาดว่าผลประกอบการในปี 52 จะพลิกฟื้นกลับมามีกำไรได้จากเป้าหมายอัตรากำไรขั้นต้น(มาร์จิ้น)ดีขึ้นมาที่ 10% สะท้อนต้นทุนค่าวัสดุก่อสร้างที่ปรับตัวลดลง ขณะที่ปี 51 มีผลประกอบการขาดทุนจากมาร์จิ้นที่ติดลบ

ในปีนี้บริษัทเชื่อว่าจะหางานใหม่เข้ามาเพิ่มได้ราว 1.0-1.5 หมื่นล้านบาททั้งงานต่างประเทศและในประเทศ เพิ่มปริมาณงานในมือ(backlog)จากที่เหลืออยู่ประมาณ 2.2 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นปี 51 ซึ่งจะทำให้มียอดรับรู้รายได้ในปีนี้เพิ่มขึ้น 15% จากปี 51 ที่คาดได้ 1 หมื่นล้านบาท และยังพร้อมเข้าลุ้นงานโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าทุกเส้นทาง

นายเสวก ศรีสุชาต ประธานกรรมการ PLE เปิดเผยว่า ยอดรับรู้รายได้รวมในปี 51 ที่ 1 หมื่นล้านบาทเป็นการรับรู้รายได้จากงานในประเทศ 8 พันล้านบาทแต่มาร์จิ้นติดลบทำให้เกิดผลขาดทุน เนื่องจากต้นทุนวัสดุก่อสร้างปรับตัวสูงขึ้นตามราคาน้ำมันที่ถีบตัวสูงขึ้นมากในช่วงกลางปี แม้ว่าราคาจะลดลงช่วงปลายปีแต่บริษัทยังมีสต็อกที่ราคาเดิมอยู่ ประกอบกับปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองทำให้งานภาครัฐและในประเทศน้อยลง ส่งผลให้มาร์จิ้นในปี 51 ไม่ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 10% และคาดว่าจะติดลบ

"มาร์จิ้นปี 51 ห่างจากเป้าหมายเยอะที่ตั้งไว้ 10% เราเจอหลายเด้ง ไตรมาส 3 เราขาดทุนเยอะ แต่ปีหน้าน่าจะดี คิดว่ามาร์จิ้น น่าจะได้ 10%"นายเสวก กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"

งวด 9 เดือนปี 51 PLE มีผลขาดทุน 265.76 ล้านบาท โดยในไตรมาส 3/51 มีผลขาดทุนถึง 402.56 ล้านบาท

นายเสวก กล่าวว่า ในปี 52 คาดว่าบริษัทจะมียอดรับรู้รายได้เพิ่มขึ้น 15% จากปี 51 จากงานในมือ ณ สิ้นปีมูลค่าประมาณ 2.2 หมื่นล้านบาท ที่จะทยอยรับรู้รายได้ในช่วงปี 52-53 เป็นงานในต่างประเทศ 1.5 หมื่นล้านบาท และงานในประเทศ 7 พันล้านบาท นอกจากนี้ โครงการบ้านเอื้ออาทรยังมีโควต้าได้งานเพิ่ม ซึ่งรอสรุปยอดความต้องการในปีหน้า

*เล็งปี 52 ได้งานใหม่ราว 1.0-1.5 หมื่นลบ.

นายเสวก กล่าวว่า จากการประเมินเบื้องต้นคาดว่าในปี 52 บริษัทจะมีงานใหม่เข้ามาประมาณ 1.0-1.5 หมื่นล้านบาท โดยเป็นงานต่างประเทศ 60% และงานในประเทศ 40% ซึ่งน่าจะเป็นงานภาครัฐในสัดส่วนราว 10%

นายเสวก มองว่าถ้าการมืองนิ่งงานในประเทศก็น่าจะเกิดขึ้นได้ แต่งานภาครัฐยังประเมินไม่ออก แม้ว่ารัฐบาลจะประกาศเดินหน้าโครงการเมกะโปรเจ็คต์ แต่บริษัทก็ยังไม่มีความเชื่อมั่นว่าจะมีงานออกมามากนัก ส่วนงานภาคเอกชนขึ้นอยู่กับการเมือง ถ้านิ่งก็จะเกิดงานใหม่ออกมา

"ของเราเองเนื้องานไม่มีปัญหาหรอกเพราะเรามีงานในมือ มีงานในต่างประเทศ ที่จะกระจายคนออกไปได้ เพียงแต่ว่าถ้าให้เราประเมินงานในประเทศ ก็ยังประเมินไม่ออก ปีหน้างานต่างประเทศก็จะลดลง แต่ปริมาณมันเยอะอยู่แล้ว จำนวนโครงการลดลงในภาพรวม แต่สำหรับเราไม่กระเทือน เพราะเรามี backlog ต่างประเทศอยู่เยอะที่เป็นงานเก่า"นายเสวก กล่าว

บริษัทยังสนใจเข้าร่วมประมูลโครงการรถไฟฟ้าทุกเส้นทาง ได้แก่ สายสีเขียว สายสีน้ำเงิน ที่จะเปิดประกวดราคาในเร็วๆ นี้ โดยบริษัทจะร่วมกับบริษัทในประเทศและบริษัทต่างประเทศ เพราะเห็นว่าเป็นโอกาสได้งานเพิ่มในประเทศ โดยขณะนี้บริษัทรอผลการประมูลโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง(บางซื่อ-บางใหญ่)สัญญาที่ 3 คาดหวังได้งานนี้ประเมินไว้ 50/50

อนึ่ง กลุ่มพีเออาร์ จอยท์เวนเจอร์ ประกอบด้วย PLE (ถือ 30%), บมจ.แอสคอน คอนสตรัคชั่น(ASCON) และบริษัท รวมนครก่อสร้าง(ประเทศไทย) จำกัด เข้าร่วมประมูลรถไฟฟ้าสายสีม่วงสัญญาที่ 3 จากทั้งหมดที่มี 5 ราย โดยเป็นงานก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุง และอาคารจอดแล้วจร 4 แห่ง พื้นที่ 1.45 แสนตารางเมตร มูลค่าโครงการ 5.8 พันล้านบาท ซึ่งการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.)คาดว่าจะเปิดซองราคาในเดือน ม.ค.52


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ