บมจ.เอส.อี.ซี. ออโต้เซลล์ แอนด์ เชอร์วิส (SECC) แจ้งความคืบหน้าในการรับชำระคืนเงินให้กู้ยืม 240 ล้านบาท และการจัดให้มีการตรวจสอบพิเศษ(Special Audit) ตามคำสั่งของ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ว่า SECC อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบและติดตามความคืบหน้าในส่วนอื่นๆ จึงขอขยายระยะเวลาในการชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ออกไปสักระยะเวลาหนึ่งก่อน หากมีข้อมูลเพิ่มเติมประการใด SECC จะชี้แจงให้ทราบทันที
ทั้งนี้ ความคืบหน้าการรับชำระหนี้เงินกู้ ที่บริษัท เอสอีซีซี โฮลดิ้ง จำกัด ได้ให้เงินกู้ยืมแก่บุคคลภายนอกจำนวน 4 ราย นั้น ปรากฏว่า เมื่อครบกำหนดลูกหนี้ทั้ง 4 ราย ผิดนัดไม่ชำระดอกเบี้ย และเงินต้น ให้แก่บริษัท เอสอีซีซี โฮลดิ้ง จำกัด ตามสัญญา ทาง SECC จึงมีหนังสือแจ้งเร่งรัดให้กรรมการของบริษัท เอสอีซีซี โฮลดิ้ง จำกัด รีบดำเนินการติดตามให้ผู้กู้ชำระหนี้กู้ยืมดังกล่าว ซึ่งขณะนี้ทางSECC ยังไม่ได้รับรายงานผลการติดตาม
ขณะเดียวกัน SECC ได้ติดต่อ บริษัท และสำนักงาน ผู้สอบบัญชี ที่ได้รับความเห็นชอบจาก ก.ล.ต. ทั้งหมด 27 ราย รวมทั้ง บริษัท เอส.เค.แอคเคาน์แต้นท์ เซอร์วิสเชส จำกัด แล้ว ทั้งโดยวาจา และเป็นหนังสือ แต่ SECC ได้รับการปฏิเสธทุกราย โดยส่วนใหญ่ให้เหตุผลว่าบริษัทและสำนักงานดังกล่าวไม่มีบุคลากรเพียงพอที่จะดำเนินการได้ เนื่องจาก ขณะนี้อยู่ในระหว่างการตรวจสอบงบการเงินของไตรมาสที่ 4 บางรายให้เหตุผลว่าระยะเวลาที่ใช้ในการตรวจสอบบัญชีค่อนข้างกระชั้นชิด ไม่สามารถตรวจสอบได้ทันภายในกำหนดระยะเวลาที่ ก.ล.ต. กำหนดไว้ (วันที่ 30 ธันวาคม 2551)
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2551 บริษัทได้มีหนังสือ ขอขยายระยะเวลาในการจัดหาผู้สอบบัญชีตรวจสอบบัญชีเป็นกรณีพิเศษ และขยายระยะเวลาในการรายงานผลการตรวจสอบไปยัง ก.ล.ต. แล้ว
ส่วนการดำเนินธุรกิจของบริษัทในปัจจุบัน ในส่วนของการขายรถยนต์ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่ผู้บริหารหลบหนีทำให้ลูกค้าและสถาบันการเงินขาดความเชื่อมั่น จึงไม่มียอดจองซื้อรถยนต์ ส่วนการให้บริการหลังการขายไม่ได้รับผลกระทบ และยังคงมีลูกค้าเข้ารับการบริการเช่นเดิม
เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2551 SECC ทราบเรื่องที่ ก.ล.ต. ดำเนินการกล่าวโทษ นายสมพงษ์ วิทยารักษ์สรรค์ ในฐานะประธานกรรมการ ที่รับผิดชอบดำเนินงาน และได้รับมอบหมายให้จัดการทรัพย์สินของบริษัท ได้เบียดบัง ยักยอกเงินของบริษัท ด้วยการจัดทำเอกสารอันเป็นเท็จ ในการสั่งซื้อสินค้ารถยนต์ที่ไม่มีจริง และนางสาวนิภาพร คมกล้า ที่ร่วมกับนายสมพงษ์ จัดทำเอกสารอันเป็นเท็จ ในการสั่งซื้อสินค้ารถยนต์ที่ไม่มีจริงและจัดให้มีการบันทึกบัญชีรถยนต์ที่ไม่มีอยู่จริงเข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติ หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535
อนึ่งนับแต่วันที่ ก.ล.ต. กล่าวโทษ ข้างต้น นายสมพงษ์ วิทยารักษ์สรรค์ และนางสาวนิภาพร คมกล้า มิได้มีส่วนร่วมในการ บริหารงานของ SECC อีก