นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม กล่าวว่า บมจ.การบินไทย(THAI)ควรจะลดค่าใช้จ่าย เช่น สิทธิพิเศษของคณะกรรมการ และพนักงานในช่วงที่บริษัทประสบปัญหาทุกคนต้องปรับตัว ขณะเดียวกันต้องเพิ่มรายได้ โดยการแก้ไขกระบวนการบริหารที่เป็นอุปสรรคและปัญหาในการดำเนินงาน เช่น ปัญหาระบบการจำหน่ายตั๋วโดยสารผ่านเอเย่นต์ ซึ่งมีค่าคอมมิชชั่นประมาณ 7% ก็อาจต้องยกเลิกเป็นการขายตรงโดยการบินไทยเอง เพื่อฟื้นฟูกิจการของตัวเอง
ส่วนคณะกรรมการทั้งของการบินไทยและรัฐวิสาหกิจอื่นนั้นจะต้องมีเวลาทำงานให้กับองค์กร และต้องมีความเสียสละ มีเวลาทุ่มเทในการทำงาน ไม่ใช่มารับตำแหน่ง รวมทั้งสามารถปฏิบัติงานตามนโยบายของกำหนด ซึ่งเข้าใจว่ากรรมการบางท่านเป็นผู้ทรงคุณวุฒิอาจไม่มีเวลา
ขณะที่คณะกรรมการบางหน่วยงานจำเป็นต้องมีกรรมการที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะ เช่น การบินไทย ซึ่งกรรมการแต่ละท่านจะเป็นผู้พิจารณาเองว่าเหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งต่อหรือไม่
ทั้งนี้ นายศรีสุข จันทรางศุ อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธานคณะทำงานด้านขนส่งทางอากาศที่ได้รับแต่งตั้งในวันนี้ จะจัดประชุมเชิงปฏิบัติการให้กับการบินไทย ในวันที่ 16 ม.ค.นี้ ขณะที่ บมจ. ท่าอากาศยานไทย (AOT) หรือ ทอท. จะประชุมเชิงปฏิบัติการในวันที่ 12 ม.ค.นี้
ด้านนายศรีสุข กล่าวว่า เพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบินพลเรือนและศูนย์กลางอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในภูมิภาค กล่าวว่า คณะทำงานจะจัดทำแผนการปฏิบัติงานหลังจากรับฟังความคิดเห็นของหน่วยงานด้านการบิน โดยคณะทำงานจะมีกรรมการจากหน่วยงานด้านการบินไทยทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น การบินไทย ทอท. กรมการขนส่งทางอากาศ (ขอ.) และคณะกรรมการดำเนินงานด้านธุรกิจการบิน (AIRPORT OPERATIONS COMMITEE) หรือเอโอซี
ทั้งนี้ จะเน้นการสร้างความเชื่อมั่นในการระวัง ป้องกัน และดูแลท่าอากาศยาน ซึ่งถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ด้านการบินไทย แต่คงยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะไม่มีการปิดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิอีก เพราะคณะทำงานจำเป็นต้องรับฟังรายละเอียดในการปฏิบัติงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อน
ส่วนการเข้ามาดูแลงานด้านการขนส่งทางอากาศในช่วงที่เกิดวิกฤติในขณะนี้นั้น ไม่รู้สึกหนักใจ และเชื่อมั่นว่า ทอท. การบินไทย และหน่วยงานด้านการบินที่เกี่ยวข้องมีความสามารถในการที่จะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน