นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"ถึงข่าวการเจรจาซื้อกิจการโบรกเกอร์ในภูมิภาคว่า นโยบายต่าง ๆ คงขึ้นอยู่กับบริษัทแม่ คือ บริษัท กิมเอ็งโฮลดิ้ง จากประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ KEST โดยมีขั้นตอนอยู่ 2 กรณี คือ จะลงทุนภายใต้บริษัทแม่ หรือให้บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)เป็นตัวแทนเข้าไปมีส่วนร่วมในการลงทุน ซึ่งขณะนี้ยังไม่สรุปผลในตอนนี้
"เรื่องที่เกิดขึ้นยังไม่มีความคืบหน้าอะไร อยู่ที่การดำเนินการที่บริษัทแม่มากกว่า แต่เราก็มองหาโอกาสอยู่แล้ว ตอนนี้ยังไม่มีสาระสำคัญอะไร"นายมนตรี กล่าว
อนึ่ง บริษัท กิมเอ็งโฮลดิ้ง สิงคโปร์ ถือหุ้น KEST ในสัดส่วน 55.88% (ข้อมูลจากตลท.ล่าสุด 4 ก.ย.51)
แหล่งข่าวจากวงการโบรกเกอร์ เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า มีความเป็นไปได้ที่ KEST จะเข้าไปซื้อกิจการโบรกเกอร์ในเวียดนามและอินเดีย เนื่องจากกลุ่มกิมเอ็งมีนโยบายที่จะขยายการลงทุนต่างประเทศอยู่แล้ว โดยผู้ถือหุ้นใหญ่ของบล.กิมเอ็ง ก็คือ กิมเอ็ง โฮลดิ้ง สิงคโปร์ ก็ได้เข้ามาลงทุนธุรกิจโบรกเกอร์ในไทยแล้ว จึงไม่แปลกที่จะไปลงทุนธุรกิจโบรกเกอร์ในเวียดนาม และอินเดีย โดยอาจอาศัยธุรกิจโบรกเกอร์ในไทยเป็นตัวแทนเข้าไปลงทุน
นอกจากนั้น เวลานี้เศรษฐกิจทั่วโลกไม่ดี เวียดนามก็เจอวิกฤตเศรษฐกิจในปีที่ผ่านมาการเข้าไปลงทุนในธุรกิจโบรกเกอร์ของเวียดนามขณะนี้ จึงใช้เงินไม่มากก็สามารถซื้อกิจการได้แล้ว เพราะมูลค่าเล็กกว่าโบรกเกอร์ไทย ส่วนการเข้าไปซื้อกิจการโบรกเกอร์ในอินเดียก็คิดว่าคงจะซื้อแค่โบรกเกอร์ขนาดเล็ก ๆ เท่านั้น
แหล่งข่าว กล่าวอีกว่า การลงทุนของกลุ่มกิมเอ็งเป็นลักษณะของการขยายฐานการลงทุน ซึ่งผลที่ได้อาจจะทำให้มาร์เก็ตแชร์ของบล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)มีมากขึ้น โดยมองว่าทางกลุ่มกิมเอ็งคงจะเข้าลงทุนในลักษณะของการเทคโอเวอร์กิจการโบรกเกอร์ มิฉะนั้นแล้วหากลงทุนเข้าไปถือหุ้นไม่มากก็คงจะไม่เกิดประโยชน์
ก่อนหน้านี้ สื่อต่างประเทศรายงานว่า นายออง เซ็ง กี ผู้อำนวยการบริหารของกิมเอ็ง ได้กล่าวกับหนังสือพิมพ์บิสซิเนส ไทมส์ของสิงคโปร์ว่ากิมเอ็ง ประเทศไทย กำลังเล็งไปที่อินเดียและเวียดนาม และได้เริ่มต้นการเจรจาเบื้องต้น กับบริษัทโบรกเกอร์ใน 2 ประเทศนี้