3 โบรกเกอร์เชียร์"ซื้อ"หุ้น บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย(SCC) โดยมองว่าราคาหุ้นลงไปลึกแล้วเมื่อเทียบกับปัจจัยพื้นฐาน และแนวโน้มกำไรในปี 52 จะไม่แย่ไปกว่าปี 51 โดยธุรกิจปิโตรเคมีคาดจะไม่มีผลขาดทุนสต็อกเหมือนกับปีก่อนแม้ว่าสเปรดจะแคบลง ขณะที่ธุรกิจปูนซิเมนต์คาดว่าความต้องการในประเทศจะเพิ่มขึ้นจากโครงการรถไฟฟ้าเกิดใหม่อย่างน้อย 2 สาย รวมทั้งยังมีอัตราผลตอบทนจากเงินปันผลราว 6-9%
ขณะที่โบรกเกอร์อีกกลุ่มเห็นว่าราคาหุ้น SCC รีบาวน์จากราคาที่ลงปรับตัวลงไปต่ำตามและภาพรวมตลาดที่ฟื้นขึ้นมา แต่ยังเชื่อว่าราคา SCC ไปไม่ถึง 120 บาท จึงแนะ"ขาย"หรือ"ถือ"ไว้ก่อนรอขายทำกำไร เพราะมองปัจจัยพื้นฐานปี 52 ของ SCC ยังไม่ดีขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจปิโตรเคมียังเป็นขาลง
ราคาหุ้น SCC ปิดช่วงเช้านี้ที่ 117 บาท บวก 3.00 บาท(+2.63%)โดยราคาสูงสุดที่ 120 บาทและราคาต่ำสุดที่ 114 บาท จากก่อนหน้าราคาหุ้นปรับลงไปต่ำสุดที่ 86 บาท (26 พ.ย.51)
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาพื้นฐาน(บาท/หุ้น) บล.กสิกรไทย ซื้อ 160.00 บล.เอเซียพลัส ซื้อ 147.80 บล.กิมเอ็ง ถือ 140.00 บล.บัวหลวง ขายทำกำไร 100.00 บล.ธนชาต ขายทำกำไร 78.00
นายกวี ชูกิจเกษม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย คาดว่า ในปี 52 กำไรของ SCC คง turnaround หรือฟื้นตัวจากปีที่แล้วค่อนข้างมาก และคาดว่าจะมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลในปี 52 ประมาณ 9% เนื่องจากธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจปิโตรเคมี แม้ว่าปีนี้ยอมรับว่ายังเป็นช่วงขาลงแต่ราคาจะไม่ลงแรงเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และคงไม่เห็นการขาดทุนสต็อกของปิโตรเคมีอย่างที่เกิดขึ้นในปีก่อน
ส่วนธุรกิจซิเมนต์ คาดหวังจากนโยบายรัฐบาลจะมีความต่อเนื่องในโครงการเมกะโปรเจ็คต์น่าจะช่วยให้ความต้องการปูนในประเทศเพิ่มขึ้น โดยเชื่อว่าปีนี้โครงการรถไฟฟ้า 2 สายน่าจะเกิดได้
และหุ้น SCC เป็นหุ้นตัวใหญ่ และก่อนหน้านี้ underperform ถ้าจะรีบาวน์กลับมาน่าจะกลับมาได้แรงเมื่อเทียบกับหุ้นในกลุ่มอื่น
"คิดว่าสองธุรกิจน่าจะดีกว่าปีก่อน น่าจะ drive earning ของปูนใหญ่ขึ้นมา ประกอบกับราคาหุ้น underperform ไปมากในปีที่แล้ว เรา upgrade ปูนใหญ่ จากที่เรา Neutral เป็น Overweight ก็หมายถึงว่าเราแนะให้ซื้อ ราคาที่ปรับตัวลงไปเว่อร์เกินจริง"นายกวี กล่าว
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เอเซียพลัส กล่าวว่า เหตุที่แนะนำซื้อ SCC เพราะมองว่าราคาหุ้นลงไปต่ำกว่าพื้นฐานแล้ว แม้ว่าความเสี่ยงจะมีจากไตรมาส 4/51 อาจจะขาดทุน ตามผลขาดทุนสต็อกปิโตรเคมี อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้น SCC ขณะนี้ก็สะท้อนปัจจัยพื้นฐานของบริษัทไปมากแล้ว และเห็นว่าเป็นโอกาสดีที่จะเข้าซื้อหุ้น SCC เพราะราคาหุ้นยังห่างจากราคาพื้นฐาน (147.80)
และมองว่า ปี 52 ผลประกอบการคงไม่แย่ไปกว่าปี 51 และคาดว่าเงินปันผลในปี 52 จะอยู่ที่ 7 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล ราว 6% (จากราคาหุ้น 114 บาท) โดยคาดว่ากำไรใน 52 ใกล้เคียงปี 51 ที่คาดว่าจะมีกำไร 18,235 ล้านบาท และปี 52 จะมีกำไร 18,237 ล้านบาท โดยปี 52 จะไม่มีผลขาดทุนจากสต็อกของธุรกิจปิโตรเคมีแล้ว ขณะที่สเปรดปิโตรเคมีแคบลง
"ราคาต่ำกว่า fair value แต่มี divided yield ประมาณ 6% และตัวฐานะธุรกิจปี 52 คงไม่ได้แย่ไปกว่าปี 51 ทั้งๆที่กำไรตลาดโดยรวมจะติดลบประมาณ 7.8%"นายเทิดศักดิ์ กล่าว
ทั้งนี้ ธุรกิจหลักของ SCC ได้แก่ ธุรกิจปูนซีเมนต์น่าจะดีขึ้น เพราะมีโครงการเมกะโปรเจ็คต์ ส่วนธุรกิจปิโตรเคมีไม่น่าจะแย่กว่าปี 51 ส่วนธุรกิจกระดาษ แนวโน้มน่าจะทรงตัวหรือดีขึ้นเล็กน้อย ขณะเดียวกันฐานะการเงินของบริษัท โดยเฉพาะกระแสเงินสดก็ยังแข็งแรง ดูโดยรวมแล้วก็เป็นหุ้นทีที่ยังปลอดภัยอยู่
นายสุรชัย ประมวลเจริญกิจ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)กล่าวว่า หุ้น SCC ถือว่าเป็นหุ้นบลูชิพ จึงปรับตัวขึ้นตามตลาดรวม แต่เป็นการรีบาวน์หลังจากราคา SCC ปรับตัวลงมาก่อนหน้านี้ เพราะปัจจัยพื้นฐานยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แม้ว่าจะมีความคาดหวังจากโครงการเมกะโปรเจ็คต์ แต่ก็ขึ้นอยู่กับเสถียรภาพการเมืองด้วย
"ช่วงนี้ ราคาหุ้นปรับขึ้นเพราะเป็นการรีบาวน์ แต่ระยะยาวยังเป็นความเสี่ยง ถ้าจะซื้อรอจังหวะอ่อนตัวดีกว่า เพราะปีนี้ธุรกิจยังไม่ดี โดยเฉพาะปิโตรเคมี"นายสุรชัย กล่าว
นายสุรชัย มองว่า ผลประกอบการในไตรมาส 4/51 จะขาดทุน และในปี 52 กำไรจะลดลงจากปี 51 เป็นผลจากการปรับลดลงของทุกธุรกิจ ตามภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
ทั้งนี้ SCC มีธุรกิจหลักได้แก่ ธุรกิจปิโตรเคมี ที่มีสัดส่วนในกำไรถึง 50% ส่วนปูนซิเมนต์ 20% ธุรกิจกระดาษ 10% ที่เหลือเป็นอื่นๆ
"ตอนนี้ ยังไม่น่าลงทุน เราแนะนำให้ ถือ ถ้าใครไม่มี รอดูสถานการณ์ หรือรอราคาอ่อนตัวที่ 70-80 บาท ที่เป็น Low เดิมก็น่าสนใจ"นายสุรชัย กล่าว
น.ส.ปองรัตน์ รัตนะตวณานนท์ ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.บัวหลวง กล่าวว่า SCC ยังไม่น่าลงทุน เนื่องจากในปี 52 อุตสาหกรรมปิโตรเคมียังเป็นขาลงอยู่ และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ก็ยังไม่ดี เพราะฉะนั้นความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ก็มีไม่มาก ขณะที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นเพราะเป็นการรีบาวน์ตามตลาด และเห็นว่าน่าจะขายทำกำไรมากกว่า
"ราคาหุ้นอาจไม่รีบลง เพราะว่าตลาดดูแล้วอาจจะยังไปได้ต่อ ราคา SCC วันนี้ ติดแนวต้านอยู่ที่ 114-115 บาท คิดว่าอาจะทะลุได้ไม่เกิน 120 บาท คิดว่าถ้ามีอยู่ก็ถือรอขายมากกว่าที่ 120 บาท ในเชิงเทรดดิ้งมี GAP เหลือไม่เยอะ ใครที่มีของก็รอจังหวะขายทำกำไร เพราะพื้นฐานบริษัทไม่ได้มีอะไรปรับเปลี่ยน"น.ส.ปองรัตน์ กล่าว