บมจ.ทีพีไอ โพลีน (TPIPL) และ บมจ.บางกอกสหประกันภัย (BUI) ชี้แจงว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)มีหนังสือที่อ้างถึงแจ้งว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษได้มีความเห็นสั่งฟ้องบุคคลที่มีรายชื่อเป็นผู้บริหารของ TPIPL คือ นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ นายประทีป เลี่ยวไพรัตน์ นายประมวล เลี่ยวไพรัตน์ นายประหยัด เลี่ยวไพรัตน์ และนายชัยณรงค์ แต้ไพสิฐพงษ์ ในฐานะกรรมการของบริษัทฯ และ ผู้บริหารของ BUI คือ นายประทีป เลี่ยวไพรัตน์ และนายชัยณรงค์ แต้ไพสิฐพงษ์ ในการกระทำความผิดอันเป็นความเสียหายแก่นิติบุคคล
สำนักงาน ก.ล.ต. แจ้งว่าการถูกดำเนินคดีดังกล่าวเป็นเหตุให้ผู้บริหารเข้าข่ายมีลักษณะต้องห้ามตามข้อ 3(3) แห่งประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ที่ กจ. 5/2548 ซึ่งจากฐานข้อมูลระบบข้อมูลรายชื่อผู้บริหารของสำนักงาน ก.ล.ต. ในปัจจุบันยังปรากฏรายชื่อ นายชัยณรงค์ ดำรงตำแหน่งกรรมการของบริษัทฯ สำนักงาน ก.ล.ต. จึงไม่สามารถแสดงชื่อนายชัยณรงค์ ในระบบข้อมูลรายชื่อผู้บริหารของบริษัทฯ ได้
ทาง TPIPL และ BUI ขอเรียนให้ทราบว่าผู้บริหารของบริษัทฯ ซึ่งถูกกล่าวหาดังกล่าวได้ยืนยันว่าไม่ได้กระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา และได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาต่อพนักงานสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งขณะนี้คดียังอยู่ในระหว่างการพิจารณายังไม่ถึงที่สุด จึงต้องถือว่าผู้บริหารไม่มีความผิด และจะปฏิบัติต่อบุคคลดังกล่าวเสมือนเป็นผู้กระทำความผิดมิได้ เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 มาตรา 39 วรรค 2 และวรรค 3 และสอดคล้องกับหลักนิติธรรม
ด้วยเหตุผลดังกล่าวประกอบกับเหตุแห่งการกล่าวหาดังกล่าวข้างต้นก็ไม่เกี่ยวข้องกับกิจการของ TPIPL และ BUI แต่อย่างใด ดังนั้น การกล่าวหาจึงไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจและฐานะทางการเงินของบริษัทฯ บริษัทฯ จึงเห็นสมควรรอการพิจารณาถอนชื่อผู้บริหารออกจากผู้บริหารของบริษัทฯไว้ก่อนจนกว่าจะทราบผลคดีอาญาถึงที่สุดในชั้นศาลว่าเป็นผู้กระทำผิดตามข้อกล่าวหา