ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (6 ม.ค.) แม้ทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ โดยดาวโจนส์สามารถปิดในแดนบวกได้เนื่องจากนักลงทุนยังคงให้น้ำหนักกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของบารัค โอบามา ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 62.21 จุด หรือ 0.69% แตะที่ 9,015.10 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 7.25 จุด หรือ 0.78% แตะที่ 934.70 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 24.35 จุด หรือ 1.50% แตะที่ 1,652.38 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.33 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 7 ต่อ 2 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.17 พันล้านหุ้น
เบน ฮัลลิเบอร์ตัน นักวิเคราะห์จากบริษัท เทรดดิชัน แคปิตอล เมเนจเมนท์ กล่าวว่า "บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเต็มไปด้วยความระมัดระวัง ถึงกระนั้นก็ตาม นักลงทุนยังคงคาดหวังว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่ากว่า 7 แสนล้านดอลลาร์ของโอบามาที่ครอบคลุมถึงการลดหย่อนภาษี จะช่วยพยุงเศรษฐกิจสหรัฐให้ฟื้นตัวขึ้นได้"
หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า โอบามา กำลังผลักดันให้มีการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ รวมถึงการลดหย่อนภาษีซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 40% ของมาตรการดังกล่าวที่คาดว่าอาจมีวงเงินสูงถึง 7.75 แสนล้านดอลลาร์
ขณะที่นายแฮร์รี รี้ด ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐเปิดเผยว่า นักเศรษฐศาสตร์อย่างน้อย 20 คนแนะนำโอบามาว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งนี้ควรมีวงเงินสูงถึง 1.2-1.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
ฮัลลิเบอร์ตันยังกล่าวด้วยว่า นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นแม้ทางการสหรัฐรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อใหม่ของโรงงานในสหรัฐประจำเดือนพ.ย.ร่วงลงเกินคาด 4.6% โดยลดลงเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน ขณะที่สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติเปิดเผยยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 7 ปีในเดือนพ.ย.
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น โดยหุ้นฮิวเล็ตต์ แพคการ์ด ปิดบวก 8.2% และหุ้นเซียนาปิดพุ่ง 18.6% ส่วนหุ้นทาร์เก็ต กรุ๊ปในกลุ่มค้าปลีกปรับตัวขึ้น 5.5% และหุ้นอเมริกัน เอ็กเพรส ในกลุ่มการเงิน ปิดพุ่ง 5.6%