ดัชนีล่วงหน้าตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลงเล็กน้อยวันนี้ จากกระแสคาดการณ์เรื่องผลประกอบการบริษัทเอกชนที่เป็นลบ ซึ่งจะเป็นอุปสรรคขัดขวางความพยายามของรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ณ เวลา 7.44 น.ตามเวลาลอนดอนในวันนี้ ดัชนี Dow Jones Euro Stoxx 50 ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดภาวะตลาดหุ้นในภูมิภาคยุโรปขยับลงเล็กน้อยไม่ถึง 0.1% ไปอยู่ที่ 2,575 จุด ขณะที่เอ็มเอฟ โกลบอลคาดการณ์ว่า ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนเปิดตลาดปรับตัวลดลง 20 จุด
โดยหุ้นบริษัทจัดการกองทุนแมน กรุ๊ป พีแอลซี อาจดิ่งลดลง หลังจากที่ยูบีเอส เอจีได้แนะให้นักลงทุนเทขายหุ้นดังกล่าวออกมา เช่นเดียวกับหุ้นคอมเมิร์ชแบงก์ เอจีที่อาจทรุดตัวลง หลังจากเจพี มอร์แกน เชส แอนด์ โค ได้ลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าวมาอยู่ที่ “underweight"
อย่างไรก็ตาม ดัชนี Stoxx 600 ดีดตัวสูงขึ้น 17% นับตั้งแต่วันที่ 21 พ.ย. จากกระแสคาดการณ์ว่านายบารัค โอบามา ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยนโยบายการลดภาษีและการใช้จ่ายมูลค่า 7.75 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เดินหน้าปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อรับมือกับวิกฤตการเงินที่เลวร้ายนับตั้งแต่ยุคเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ ( Great Depression)
คริส ทิงเกอร์ นักวิเคราะห์จาก ICAP Apollo ในลอนดอนกล่าวให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์บลูมเบิร์กว่า "ภาวะการซื้อขายที่คึกคักในช่วงเทศกาลคริสตมาสเกิดขึ้นในช่วงก่อนถึงเทศกาล และขณะนี้ก็ช่วงเวลาดังกล่าวได้สิ้นสุดลงแล้ว ที่ผ่านมาเราได้เห็นถึงบรรยากาศการซื้อขายที่หนาแน่น แต่ขณะนี้ความเคลื่อนไหวในตลาดเป็นเพียงการซื้อขายทั่วไป ไม่ใช่การลงทุน"
โดยปีที่ผ่านมา ดัชนี Stoxx 600 ดิ่งลงหนักสุดเป็นประวัติการณ์ 46% ขณะที่ตัวเลขขาดทุนของสถาบันการเงินกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐได้กัดกร่อนผลกำไรของบริษัทหลายแห่ง โดยสหรัฐ ยุโรป รวมถึงญี่ปุ่นต้องเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 นอกจากนี้ ธนาคารกลางยุโรปยังมีแนวโน้มปรับลดดอกเบี้ยลงอีก หลังจากที่อัตราเงินเฟ้อร่วงลงหนักสุดในรอบกว่า 2 ปี
ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์จากโกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ป อิงค์ และเมอร์ริล ลินช์ ได้คาดการณ์ไปในทางเดียวกันว่า ผลกำไรของบริษัทยุโรปอาจร่วงลงอย่างน้อย 20% ในปีนี้