(เพิ่มเติม) IRPCชะลอโครงการลงทุนระยะ 2มูลค่า 1.2 พันล้านเหรียญฯ,คาดราคาปิโตรฯทรงตัว

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday January 7, 2009 17:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ไออาร์พีซี(IRPC)ชะลอแผนลงทุนโครงการในระยะที่ 2 มูลค่ากว่า 1.2 พันล้านเหรียญไปเป็นปี 53 จากเดิมที่กำหนดไว้ว่าจะเริ่มในปีนี้ เนื่องจากภาวะโดยรวมไม่เอื้ออำนวย ความต้องการในตลาดลดลงมาก ซึ่งจะมีผลให้บริษัทไม่จำเป็นต้องเร่งออกหุ้นกู้เพื่อระดมทุน หลังจากที่ได้กู้เงินจากสถาบันการเงินมาใช้ในโครงการระยะแรกแล้ว 1 หมื่นล้านบาท

"ปีนี้คิดว่าโครงการระยะที่ 2 ต้องชะลอออกไป ต้องมาดูสถานการณ์ถ้าดีขึ้นจริงในปีหน้าก็อาจจะตัดสินใจทำต่อ"นายบรรลือ ฉันทาดิศัย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายบัญชีและการเงิน IRPC กล่าว

ในขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างทบทวนโครงการระยะที่ 2 ซึ่งต้องสอดคล้องกับแผนลงทุนในกลุ่มปตท. คาดว่าใช้เวลาอย่างน้อย 3 เดือน โดยเฉพาะโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการกลั่นโรงกลั่นน้ำมันตามมาตรฐาน Euro IV และโครงการปรับปรุงโรงกลั่นน้ำมันเพื่อปรัสิทธิภาพการกลั่นและเพิ่มกำลังการกลั่นน้ำมันที่ต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก บริษัทคงต้องเปลี่ยนไปใช้ความร่วมมือ(synergy) กับกลุ่มโรงกลั่นในเครือปตท.ด้วยกัน โดยอาจแลกผลิตภัณฑ์กัน

อย่างไรก็ตาม การลงทุนโครงการดังกล่าวต้องแน่ใจว่าราคาน้ำมันมีเสถียรภาพ ไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหาขาดทุนสต็อกน้ำมันได้ รวมทั้งความต้องการน้ำมันในตลาดต้องมีมากพอคุ้มค่าในการลงทุน

ในปี 52 บริษัทตั้งเป้ามีกำลังการกลั่นที่ 1.8 แสนบาร์เรล/วัน สูงขึ้นจากปีก่อนที่มี 1.7 แสนบาร์เรล/วัน คาดว่าจะมี EBITDA เพิ่มขึ้นจากปีก่อน เพราะมั่นใจว่าจะไม่มีผลขาดทุนจากสต็อคน้ำมัน แต่ EBITDA คงจะยังไม่ฟื้นตัวขึ้นไปเท่ากับปี 50 ที่มีในระดับ 1.2 หมื่นล้านบาท โดยบริษัทประเมินราคาน้ำมันในปีนี้คงจะไม่ปรับตัวรุนแรง โดยเฉลี่ยทั้งปีน่าจะอยู่ที่ 50-55 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล โดยขณะนี้มีกำลังการกลั่น ในช่วง 1.6-1.7 แสนบาร์เรล/วัน

นายสุพล ทับทิมจรูญ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายบริหารและแผนธุรกิจ IRPC กล่าวว่า โครงการโครงการขยายกำลังการผลิตเม็ดพลาสติกเอบีเอสและเอสเอเอ็นจะมีการทบทวนอีกครั้ง เพราะขณะนี้สถานการณ์และตลาดเปลี่ยนแปลงไปจากตอนที่ทำแผนโครงการนี้ที่เคยประเมินอัตราผลตอบแทน กว่า 20%

และในเดือน ก.พ.นี้ บริษัทจะปิดซ่อมบำรุงประจำปีทั้งส่วนโรงกลั่นน้ำมันและปิโตรเคมีเฉลี่ย 20 วัน โดยระหว่างนี้จะทำการเชื่อมต่อการผลิตกับโครงการใหม่ ได้แก่ โครงการกำลังการผลิตเอชดีพีอี ไปป์เกรด(เกรดสำหรับท่อ)และโครงการขยายกำลังการผลิตเอบีเอส-ซีซีเอ็ม โดยจะเริ่มกลับมาผลิตได้ในต้นเดือนมี.ค. 52

*ผู้บริหารเชื่อราคาปิโตรฯปีนี้ทรงตัว

นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร กรรมการผู้จัดการใหญ่ IRPC กล่าวว่า การลงทุน 5 โครงการเป็นการลงทุนโครงการต่อเนื่องที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มของสินค้า โดยมีอัตราผลตอบแทนประมาณ 19-20% ซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับบริษัทในอนาคต เชื่อว่าจากที่ IRPC ที่มีจุดแข็งที่ทำธุรกิจครบวงจรในธุรกิจปิโตรเคมี ซึ่งมีโรงกลั่นน้ำมัน 2 แห่ง หลังจากผ่านพ้นวิกฤต IRPC จะเป็นบริษัทที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศ

"เท่าที่ผมมอง ปีนี้เรามองว่าสบายตัวกว่าปีที่แล้ว ราคาปิโตรฯ ถึงจุด bottom เมื่อ พ.ย.51 ส่วนน้ำมันน่าจะถึงจุด bottom แล้ว ถ้าไม่มีการขยายกำลังการผลิตเราก็ไม่มี growth อยู้แล้ว แต่เราเน้นตัว EBITDA ซึ่งการที่จะได้จุดที่ดีก็ต้องการกำลังการกล้น 80-90%ซึ่งเราจะทำให้ดีที่สุดไม่ให้ผู้ถือหุ้นผิดหวัง" นายไพรินทร์ กล่าวและเปิดตัวเป็นครั้งแรกในงานแถลงข่าววันนี้

ทั้งนี้ IRPC มีกำลังการกลั่นเต็มกำลังที่ 2.15 แสนบาร์เรล/วัน

นายไพรินทร์ คาดว่า ราคาปิโตรเคมีปีนี้จะทรงตัวที่ระดับ 850-900 เหรียญ/ตัน หลังลงไปต่ำสุดเมื่อ พ.ย.51 หรืออาจจะเพิ่มขึ้นราว 30% หรือลดลง 10% ขณะที่มองว่าราคาน้ำมันในปี 52 ไม่น่าจะผันผวนเช่นเดียวกับปีที่แล้ว ซึ่งจะทำให้การบริหารจัดการได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม ก็ยังต้องติดตามต่อไป ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาประมาณ 6 เดือนขึ้นไปจึงจะประเมินภาพและประมาณการของบริษัทได้

อนึ่ง วันนี้ IRPC เซ็นสัญญาเงินกู้ยืมจำนวน 10,000 ล้านบาท อายุ 8 ปี อัตราดอกเบี้ยลอยตัวอิงดอกเบี้ยสูงสุดของเงินฝากประจำ 6 เดือน และมีกำหนดระยะเวลาชำระคืนเงินต้น 5 ปี กู้จากธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย

ทั้งนี้ เพื่อลงทุนในโครงการขยายกำลังการผลิต 5 โครงการ ตามแผนเพิ่มศักยภาพและประสิทธิภาพระยะ 1 ได้แก่ โครงการขยายกำลังการผลิตเอชดีพีอี ไปป์เกรด กำลังผลิต 40,000 ตันต่อปี เริ่มผลิตไตรมาส 1/52, โครงการขยายกำลังการผลิตเอบีเอส-ซีซีเอ็ม กำลังผลิต 21,000 ตันต่อปี เริ่มผลิตไตรมาส 1/52, โครงการผลิตไอน้ำและไฟฟ้าร่วม กำลังผลิตไฟฟ้า 220 เมกกะวัตต์และผลิตไอน้ำ 420 ตันต่อชั่วโมง อยู่ระหว่างประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม คาดสร้างเสร็จปี 53, โครงการขยายกำลังการผลิตโพรพิลีน กำลังผลิต 100,000 ตันต่อปี เริ่มก่อสร้างในไตรมาส 4/52 และสร้างเสร็จในปี 54, และโครงการขยายกำลังการผลิตเม็ดพลาสติกเอบีเอสและเอสเอเอ็น กำลังผลิต 80,000 ตันต่อปี รอประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ