นางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์(SCB) เปิดเผยว่า ในปี 52 ได้ตั้งเป้าการขยายตัวของสินเชื่อไว้ที่ประมาณ 5% เทียบเท่าตลาดรวมที่คาดว่าสินเชื่อในระบบธนาคารพาณิชย์จะขยายตัวประมาณ 4-5% ชะลอตัวจากปีก่อนที่ขยายตัว 6-7%
ธนาคารมีเป้าหมายจะเพิ่มรายได้จากค่าธรรมเนียมมากขึ้นจากปัจจุบันที่กว่า 30% เป็น 40% และลดสัดส่วนรายได้จากดอกเบี้ย แต่ในช่วงนี้ยอมรับว่ารายได้จากการดำเนินธุรกิจด้านหลักทรัพย์ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือจะลดลง เนื่องจากภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นที่ยังจะซบเซาลงอีกในช่วง 1-2 ปีนี้
นางกรรณิกา กล่าวว่า การจัดทำแผนธุรกิจของธนาคารทั้งการวางเป้าหมายด้านสินเชื่อ หรืออื่นๆ นั้น ธนาคารจะทบทวนทุกเดือน เนื่องจากขณะนี้สถานการณ์ต่างๆเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา จึงจำเป็นต้องติดตามข้อมูลต่างๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อให้ธนาคารสามารถปรับตัวได้ทันต่อเหตุการณ์
สำหรับยุทธศาสตร์ของธนาคารในปีนี้จะเน้นดูแลและให้ความช่วยเหลือลูกค้า โดยเฉพาะลูกค้าที่มีสัญญาณที่จะเกิดหนี้ด้อยคุณภาพ(NPL)ก็จะเร่งเข้าไปช่วยเหลือในทุกด้าน เพราะหากลูกค้ามีความแข็งแกร่งจะส่งผลให้ธนาคารแข็งแกร่งตามไปด้วย นอกจากนี้การดำเนินธุรกิจของธนาคารจะยังเป็นไปอย่างรอบคอบและระมัดระวัง มีการควบคุมคุณภาพสินเชื่อ สร้างรายได้ค่าธรรมเนียมให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ปีนี้ธนาคารจะเน้นลูกค้าสถาบันมากขึ้นในการสร้างรายได้ค่าธรรมเนียม ซึ่งตลาดยังมีความต้องการในการออกพันธบัตรอีกมาก รวมถึงรายได้ค่าธรรมเนียมจาก Trade Finance นอกจากนี้จะมีการควบคุมค่าใช้จ่าย เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน แต่ยืนยันว่าจะไม่มีการปรับลดพนักงาน สร้างเสริมความสามารถของพนักงานและระบบงาน โดยจัดโครงการฝึกอบรมและเดินหน้าโครงการเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง
นายวิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานกรรมการบริหาร SCB กล่าวว่า การตั้งเป้าสินเชื่อของธนาคารขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจโดยรวม ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่ารัฐบาลจะใช้เงินงบประมาณเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจแยกในกลุ่มใดบ้าง ทั้งนี้ภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันนั้น การดำเนินนโยบายของรัฐบาลจะมีอิทธิพลสูงมากต่อการเติบโตของประเทศ
"ปี 52 คนอื่นมองว่าเป็นวิกฤติ แต่แบงก์มองว่าเป็นปีแห่งการท้าทาย ซึ่งต้องกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงและปรับตัว ขณะเดียวกันการขยายธุรกิจต้องรอบคอบและระมัดระวัง ในส่วนของแบงก์ให้ความสำคัญทั้งเงินกองทุนที่แข็งแกร่งและการเติบโตทางเศรษฐกิจ"
สำหรับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่จะให้ความสำคัญทั้งภาคท่องเที่ยว แรงงาน ภาคเกษตรนั้น ขณะนี้ต้องรอดูเรื่องการจัดสรรงบประมาณในแต่ละกลุ่มว่าจะจัดสรรอย่างไร ทั้งนี้หากมองการใช้งบประมาณเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศอื่นจะพบว่ามีการใช้งบประมาณในจำนวนที่มากเป็นประวัติศาสตร์ ขณะที่ประเทศไทยกลับมีข้อจำกัดของการใช้งบประมาณ
นายวิชิต กล่าวว่า แม้ปัญหาเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจะกระทบต่อภาคธุรกิจที่อาจต้องปิดกิจการหรือปรับลดคนงาน แต่ขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณว่าลูกค้าธนาคารจะผิดนัดชำระหนี้ โดยธนาคารจะเน้นการให้คำปรึกษาและเข้าไปช่วยเหลือลูกหนี้ พร้อมแนะผู้ประกอบการให้เก็บเงินสดไว้ในมือมากที่สุด และเน้นคุณภาพการติดตามลูกหนี้