ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงกว่า 100 จุดเมื่อคืนนี้ (7 ม.ค.) ซึ่งเป็นการดิ่งลงหนักสุดในรอบเกือบ 2 เดือน อันเนื่องมาจากความกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอย โดยดัชนี FTSE 100 ปิดดิ่งลง 131.41 จุด แตะที่ 4,507.51 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 4,477.99-4,638.92 จุด
กาย มอนสัน นักวิเคราะห์จาก Bank Sarasin Group กล่าวว่า ตลาดได้รับปัจจัยลบจากความกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอย หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานในภาคเอกชนที่ร่วงลงอย่างหนัก และบริษัท อินเทล ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในไตรมาส 4 ขณะที่บริษัท อัลโค อิงค์ ผู้ผลิตอลูมิเนียมรายใหญ่สุดของโลก ประกาศลดกำลังการผลิตเป็นครั้งที่ 3 และเตรียมปลดแรงงานทั่วโลก 13,500 คน หลังอุปสงค์และราคาอลูมิเนียมลดลง
"เศรษฐกิจโลกที่ส่งสัญญาณถดถอยรุนแรงอาจบีบให้ธนาคารกลางอังกฤษลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.5% จากระดับ 2% ในการประชุมเย็นวันพฤหัสบดีที่ 8 ม.ค.นี้ และคาดว่าธนาคารกลางยุโรปจะลดดอเบี้ยลงอีก 1.75% เหลือเพียง 2.5%" มอนสันกล่าว
หุ้นริโอทินโตซึ่งเป็นบริษัทเหมืองรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก ร่วงลง 6% หลังจากบริษัทคู่แข่งอย่าง อัลโค ประกาศลดกำลังการผลิตเป็นครั้งที่ 3 และเตรียมปลดแรงงานทั่วโลก 13,500 คน ขณะที่หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ดิ่งลง 8%
ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกที่ร่วงลงอย่างหนักได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงด้วย โดยหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ดิ่งลง 3.3% หุ้นบีพีร่วงลง 5.6% นอกจากนี้ หุ้นบีพียังได้รับแรงกดดันหลังจากนักวิเคราะห์ของไอเอ็นจี โฮลเซล แบงกิ้ง เตือนนักลงทุนให้เทรดหุ้นบีพีอย่างระมัดระวัง เพราะผลประกอบการของบีพีอาจได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงอย่างหนัก
อย่างไรก็ตาม หุ้นมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ ดีดตัวขึ้น 2.2% แม้บริษัทเปิดเผยยอดขายร่วงหนักสุดในรอบ 9 ปี ส่งผลให้ต้องมีการปิดร้านค้าหลายสาขาและปลดพนักงานในสำนักงานใหญ่ ซึ่งจะทำให้มีพนักงานตกงานราว 1,230 คน