บลจ.กสิกรไทย ตั้งเป้าปี 52 มูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร(AUM)ในปีนี้เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 51 ที่อยู่ในระดับ 3.5 แสนล้านบาท โดยจะเน้นการขยายฐานลูกค้าผ่านช่องทางธนาคารกสิกรไทย(KBANK) ให้มากขึ้นด้วยการเสนอเป็นทางเลือกในการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนน่าสนใจ โดยมีเป้าหมายทวงแชมป์เป็นอันดับ 1 ในธุรกิจบริหารจัดการการลงทุนคืนให้ได้ในปีนี้
"เราตั้งเป้าว่า AUM ของเราจะโตมากกว่าปี 51 ถึง 20% แม้ว่าอุตสาหกรรมกองทุนรวมจะไม่โต แต่จะเจาะหาลูกค้าแบงก์ทั้งระดับกลางถึงบนที่มีเงินฝากตั้งแต่ 5-50 ล้านบาท เพราะกลุ่มลูกค้าแบงก์กลุ่มนี้จะหาผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝากที่มีดอกเบี้ยลดลงต่อเนื่อง" นายรพี สุจริตกุล ประธานกรรมการบริหาร บลจ.กสิกรไทย กล่าว
สำหรับปี 52 บริษัทจะเน้นออกกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น และรอดูจังหวะออกกองทุนหุ้น ซึ่งในไตรมาส 2-3/52 คาดว่าจะออกกองทุนอสังหาริมทรัพย์ 1 กอง
นายรพี กล่าวว่า บริษัทจะดูภาวะที่เหมาะสมในการออกกองทุนที่ลงทุนในหุ้น โดยมองว่าในปีนี้ตลาดหุ้นน่าจะกลับมาดีขึ้นจากปัจจุบันที่ดัชนี SET อยู่ที่ระดับกว่า 400 จุดถือว่าต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง
แต่อย่างไรก็ตาม ก็ต้องดูสภาพคล่องที่จะเข้ามาในตลาดหลักทรัพย์ทั้งจากนักลงทุนต่างชาติและภายในประเทศ ซึ่งหากรัฐบาลมีการเร่งใช้นโยบายทางการคลังการเงินและให้เกิดขึ้นจริง น่าจะเรียกความเชื่อมั่นกลับมาสู่ตลาดหุ้นไทยได้ โดยประเมินว่าระยะสั้นตลาดหุ้นยังอยู่ในภาวะผันผวนแต่เป็นขาขึ้น
"ตลาดหุ้นไทย ดัชนีที่แท้จริงควรจะอยู่ที่ 600 จุด หรือต่ำกว่า 600 จุดไม่มากนัก ตอนนี้ถือว่าเป็นดัชนีต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐานมาก เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยยังน่าสนใจกว่าตลาดอื่นในภูมิภาคเอเชีย เชื่อว่าน่าจะมีแรงซื้อกลับมาที่บ้านเรา และหุ้นกลุ่มพลังงานยังคงน่าสนใจ" นายรพี กล่าว
นายรพี กล่าวว่า ในปี 51 AUM ของบลจ.กสิกรไทยเป็นรองจากบลจ.ไทยพาณิชย์ ประมาณ 7 พันล้านบาทเท่านั้น ดังนั้น ในปี 52 มั่นใจว่าจะกลับมาทวงอันดับหนึ่งคืนมาได้ เพราะลูกค้ามาจากฐานลูกค้าเงินฝากชองธนาคารกสิกรไทย