โบรกฯหนุน"ซื้อ"KSL คาดกำไรปี 52-53 โตต่อเนื่องหลัง รง.ลาว-เขมรเดินหน้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday January 9, 2009 10:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์แนะนำ"ซื้อลงทุน"หุ้นบมจ.น้ำตาลขอนแก่น(KSL)มองกำไรปี 52 โตแน่ และจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปี 53 หลังจากโครงการขยายกำลังการผลิตน้ำตาลในลาวและกัมพูชาเดินเครื่องเต็มที่จากที่จะเริ่มผลิตได้ในปลายเดือน ก.พ.52 รวมทั้งในประเทศจะมีกำลังการผลิตเพิ่มเท่าตัวจากการย้ายโรงงานไปทำเลใหม่

นอกจากนั้นยังได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำตาลในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นจากอุปทานที่น้อยกว่าอุปสงค์ราว 1 ล้านตันและค่าเงินบาทอ่อน เตรียมปรับประมาณการมูลค่าพื้นฐานใหม่หลังพบผู้บริหารสัปดาห์หน้า

ขณะเดียวกันราคาหุ้นในปัจจุบันถือว่าถูกกว่าราคาเหมาะสม โดยในช่วงบ่ายราคาเคลื่อนไหวอยู่ที่ 6.40 บาท (15.33 น.) ราคาไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้า

          โบรกเกอร์           คำแนะนำ          ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
          บล.กิมเอ็ง           ซื้อลงทุน             9.80
          บล.ทรินิตี้            ซื้อ                 9.00
          บล.ยูไนเต็ด          ซื้อลงทุนระยะยาว      8.80
          บล.ฟิลลิป            ซื้อ                 7.70
          บล.กรุงศรีอยุธยา      ซื้อลงทุนระยะยาว      6.60

นายสิทธิเดช ประเสริฐรุ่งเรือง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.กรงศรีอยุธยา กล่าวว่า KSL เหมาะลงทุนระยะยาว เนื่องจากแนวโน้มธุรกิจน้ำตาลมีการขยายกำลังการผลิตเพิ่มอย่างมาก โดยในประเทศลาวและกัมพูชาจะเริ่มเดินเครื่องในต้นปี 52 และในปี 53 กำลังการผลิตในประเทศจะเพิ่มอีกเท่าตัวหลังการย้ายโรงงานไป จ.กาญจนบุรี และ จ.สระแก้ว ซึ่งจะช่วยทำให้ผลประกอบการดียิ่งขึ้น โดยคาดว่ารายได้และกำไรในปี 52 โตขึ้น 10% และปี 53 จะโตก้าวกระโดดหรือเพิ่มขึ้นประมาณ 30-40%

"เราแนะนำให้ลงทุนระยะยาว เพราะมีศักยภาพในการโต และโตชัดเจน...ปีนี้เขาจะเปิดโรงงานน้ำตาลที่กัมพูชาและลาวก็มีจะมีรายได้เพิ่มเข้ามา ซึ่งปีนี้ใช้กำลังการผลิตประมาณ 30% ก็จะเพิ่มรายได้มาประมาณ 10% ก็ยังไม่เยอะเท่าไร แต่ในปีหน้าถ้าเดินเตินเครื่อง 100% รายได้ก็จะเพิ่มอีก ดูแล้วระยะยาวจะไปได้เยอะ" นายสิทธิเดช กล่าว

และในปี 52 มีแนวโน้มปริมาณน้ำตาลในตลาดโลกจะขาดแคลน ส่งผลให้ราคาน้ำตาลในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น และระยะสั้น หากราคาน้ำมันรีบาวน์ต่อเนื่องก็จะทำให้ราคาน้ำตาลรีบาวน์ตาม

นอกจากนี้ มองว่า ราคาหุ้น KSL ลงมาค่อนข้างมากแล้ว และคาดว่าจะปรับประมาณการและมูลค่าพื้นฐานขึ้นหลังจากได้รับฟังข้อมูลบริษัทในสัปดาห์หน้าที่บริษัทได้จัดประชุมนักวิเคราะห์ โดยคาดว่าจะให้ข้อมูลเพิ่มเติมโครงการในลาวและกัมพูชา ทั้งนี้ KSL มีธุรกิจน้ำตาลเป็นหลัก มีรายได้จากน้ำตาลเป็นสัดส่วน 70% ของรายได้รวม

นักวิเคราะห์ บล.ยูไนเต็ด กล่าวว่า ในไตรมาส 4/51 ประกาศกำไรสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก และทั้งปี 51 (พ.ย.50-ต.ค.51) มีกำไรที่ 860 ล้านบาท เติบโต 3% จากปีก่อน และมีกำไรต่อหุ้น 0.55 บาท/หุ้น จึงคาดว่าบริษัทจะจ่ายเงินปันผล 0.28 บาท/หุ้น หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล 5%

สำหรับแนวโน้มปี 52 มองว่าจะมีกำไรเติบโตกว่าปีที่แล้ว สาเหตุหลักมาจากการคาดการณ์อุปทานน้ำตาลโลก ที่คาดว่าจะกลับมาขาดแคลนอีกครั้งประมาณ 1 ล้านตัน จากปีที่แล้วมีส่วนเกิน 14 ล้านตัน และอัตราแลกเปลี่ยนของค่าเฉลี่ยเงินบาทปี 52 ที่คาดอ่อนตัวมาอยู่ที่ 35 บาทต่อดอลลาร์ จากปีที่แล้วค่าเฉลี่ยเงินบาทอยู่ที่ 33.50-34.00 บาทต่อดอลลาร์

นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับผลบวกจากการที่ภาครัฐปรับราคาขายน้ำตาลในประเทศขึ้นอีก 5 บาท/กก.เป็น 19-20 บาท/กก. ซึ่งเริ่มเมื่อช่วงเม.ย.ปี 51 ดังนั้นในปีนี้ก็จะได้รับผลบวกเต็มปี รวมทั้งยังรับรู้รายได้จาการขาย carbon credit 2 ปี (ปี 51-52) รวมประมาณ 75 ล้านบาท และโครงการที่ลาวจะมีรายได้เข้ามาในครึ่งหลังปี 52 ส่วนโครงการที่กัมพูชาอาจจะเลื่อนไปรับรู้รายได้ในปี 53

"ระดับราคา KSL ณ ปัจจุบัน ยังน่าลงุทน ราคาลงไปมากแล้วและยังห่างจาก fair value และมองว่าปีนี้ยังไงกำไรดีกว่าปีที่แล้ว แต่จะโตเท่าไรต้องรอฟังข้อมูลจากบริษัทอีกครั้ง" นักวิเคราะห์ กล่าว

บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)คาดว่า KSL ปี 2551/52 กำไรขยายตัวจากโรงงานน้ำตาลในลาวและกัมพูชาเริ่มผลิตได้ราวเดือน ก.พ.52 และคาดกันว่าปริมาณน้ำตาลในตลาดโลกจะขาดแคลน เนื่องจากอินเดียมีปริมาณน้ำตาลลดลง ขณะที่ปริมาณผลผลิตอ้อยในประเทศจะทรงตัวเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

ณ วันที่ 5 ม.ค.52 โรงงานน้ำตาลในเครือ KSL มีปริมาณอ้อยเข้าหีบแล้วประมาณ 907,000 ตัน หรือคิดเป็น 6% จากปริมาณอ้อยเข้าหีบรวม 15 ล้านตัน เราคาดการณ์ว่า KSL จะมีปริมาณอ้อยเข้าหีบงวดฤดู 2551/52 ที่ 5.9 ล้านตัน ดังนั้น จึงประมาณการกำไรสุทธิปี 2551/52 เป็น 1,069 ล้านบาท (0.69 บาท/หุ้น)เพิ่มขึ้น 24.3%

ประกอบกับราคาหุ้นซื้อขายปัจจุบันยังถูก และยังมีส่วนต่างจากราคาเหมาะสมของเราถึง 53% (ราคาเหมาะสมที่ 9.80)

บล.ทรินิตี้ คาดว่ากำไรของ KSL ในปี 52 อยู่ที่ 951 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% จากปีก่อน ซึ่งถือว่าเป็นหุ้นในกลุ่มอาหาร ที่มีการเติบโตในระดับที่น่าพอใจ เนื่องจากมีรายได้จากธุรกิจน้ำตาลในสัดส่วนที่สูงถึง 73% ส่วนรายได้เอทานอลในปัจจุบันที่ 8% ทำให้รายได้รวมไม่อ่อนไหวมากเมื่อกระแสความต้องการพลังงานทดแทนลดลง และเมื่อเทียบกับหุ้นกลุ่มน้ำมันปาล์มและน้ำมันถั่วเหลืองที่กำไรปรับตัวลดลง ทำให้มองว่า KSL ยังเป็นหุ้นที่น่าสนใจ

นอกจากนี้ คาดว่าในไตรมาส 1-2 ของปี 52 เป็นช่วง High Season ของ KSL โดยราคาขายเอทานอลที่เฉลี่ยประมาณ 20 บาท เพิ่มขึ้น 36% จากปีก่อน รวมทั้งค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 3.10 บาท/หน่วย ซึ่งสูงขึ้น 22% จากปีก่อน คาดว่า KSL จะมีผลประกอบการที่โดดเด่นเติบโต


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ