นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท.(PTT) เปิดเผยว่า โครงการบิสฟีนอล เอ หรือบีพีเอ(Bisphenol A-BPA) ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่องจากโครงการฟีนอล ใช้เงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 8,500 ล้านบาท โดยมาจากกลุ่มธนาคาร 4,250 ล้านบาท ส่วนที่เหลือมาจากผู้ถือหุ้นในบริษัท พีทีที ฟีนอล ได้แก่ PTT, บมจ.ปตท.เคมิคอล (PTTCH) และ บมจ.ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น(PTTAR) สำหรับโครงการบิสฟีนอล เอ ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมเหมราชตะวันออก(มาบตาพุด) จ.ระยอง เช่นเดียวกับโครงการฟีนอล โดยมีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่แล้วให้สูงยิ่งขึ้น จากการนำสารฟีนอลและอะซีโทนมาทำปฏิกิริยากัน และผลิตเป็นวัตถุดิบหลักสำหรับผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องที่สำคัญ ได้แก่ เม็ดพลาสติก Polycarbonate หรือ PC ที่จัดเป็นพลาสติกวิศวกรรมที่มีคุณค่าสูง และเป็นวัตถุดิบสำคัญที่ใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น ยานยนต์ เครื่องมือแพทย์ ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ แผ่นซีดี-ดีวีดี เป็นต้น โดยมีกำลังการผลิตประมาณปีละ 150,000 ตัน คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จกลางปี 53
ในวันนี้ บริษัท พีทีที ฟีนอล ในเครือ ปตท. ลงนามในสัญญาเงินกู้ วงเงิน 4,250 ล้านบาทกับธนาคาร 5 แห่ง ประกอบด้วย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารทหารไทย และธนาคารออมสิน เพื่อใช้ในการก่อสร้างโครงการบิสฟีนอล เอ ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่องจากโครงการฟีนอล ที่ปัจจุบันได้ก่อสร้างแล้วเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
"ความสำเร็จของสัญญาเงินกู้ครั้งนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของบริษัท ในการดำเนินโครงการบิสฟีนอล เอ และเป็นแรงผลักดันให้แก่กลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีของ ปตท. ไปสู่การพัฒนาธุรกิจปิโตรเคมีสาย Specialty และถือเป็นการสร้างรากฐานที่แข็งแกร่ง สร้างมูลค่าเพิ่มให้ก๊าซธรรมชาติ สู่การผลิตพลาสติกวิศวกรรมที่มีต้นทุน เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก" นายประเสริฐ กล่าว