นายรักพงศ์ ไชยศุภรากุล ผู้จัดการฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจและกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ(ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งตัวในกรอบแคบ ๆ โดยตลาดยังน่าจะซึมตัวอยู่ ซึ่งตลาดฯมีโอกาสที่จะอ่อนตัวลงก่อนในเช้านี้ เนื่องจากอาจจะมีแรงขายออกมาต่างประเทศ ภายหลังจากที่ข้อมูลการว่างงานของสหรัฐฯงวดเดือนธ.ค.ออกมาสูงสุดในรอบ 15 ปี และยังมีเรื่องของการลดพนักงานงานอีกด้วย ทำให้มีความกดดันต่อภาคแรงงานในสหรัฐฯ
กระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (non farm payroll) ประจำเดือนธ.ค.ปี 2551 ร่วงลง 524,000 ตำแหน่ง ส่งผลให้ตัวเลขว่างงานโดยรวมตลอดปี 2551 มีอยู่ทั้งสิ้น 2.6 ล้านตำแหน่ง ขณะที่อัตราว่างงานเดือนธ.ค.พุ่งขึ้นแตะระดับ 7.2% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี
นายรักพงศ์ กล่าวว่า ในทางเทคนิคมองว่าการปรับตัวลงคงจะไม่แรง เนื่องจากตลาดฯยังมีปัจจัยบวกจากเรื่องที่ศักยภาพทางการเมืองที่ดีขึ้น ภายหลังจากที่ได้"สุขุมพันธุ์"มาเป็นผู้ว่าฯกทม. และพรรคประชาธิปัตย์ก็ได้เสียงจากการเลือกตั้งซ่อมสส.มากกว่าที่คิดไว้ นอกจากนี้ยังมองว่าแบงก์ชาติมีโอกาสที่จะลดอัตราดอกเบี้ยในวันพุธที่จะถึงนี้(14 ม.ค.)
พร้อมให้แนวรับไว้ที่ 456, 453 จุด แนวต้าน 462 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :
- ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(9 ม.ค.52) ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 8,599.18 จุด ลดลง 143.28 จุด(-1.64%) ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 890.35 จุด ลดลง 19.38 จุด(-2.13%) และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 1,571.59 จุด ลดลง 45.42 จุด (-2.81%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 176.45 ล้านบาทเมื่อ 9 ม.ค.52
- ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือน ก.พ.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุดที่ 40.83 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 0.87 ดอลลาร์
- ผลเลือกตั้งซ่อม พรรครัฐบาลกวาด 20 ส.ส.ชทพ.ได้ 10 ที่นั่ง ปชป.7 เก้าอี้ ส่วนพผ.ได้ 3 ที่นั่ง ขณะที่ พท.ได้ 5 เก้าอี้ ประชาราช 4 ที่นั่ง นายกฯมั่นใจฝ่ายพรรคร่วมชนะฝ่ายค้าน ได้ส.ส.เพิ่มอีก 20 เก้าอี้ ส่งผลเสถียรภาพรัฐบาลแข็งแกร่งขึ้น ไม่ต้องพะวงเสียงในสภา ยันไม่ปรับครม. ตามโควตาสัดส่วน ระบุในส่วนชาติไทยพัฒนาได้คำนวนให้แต่แรกไว้แล้ว ด้านเสธ.หนั่นกระทุ้งโควตารมต.หลัง ชทพ.ได้ส.ส.เพิ่ม ด้านภูมิใจไทยไม่เห็นด้วยปรับครม.ชี้เร็วเกินไป ส่วน"สุขุมพันธุ์"นำลิ่วม้วนเดียวจบ คว้าเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม.ตามคาด
- นักเศรษฐศาสตร์ คาดแบงก์ชาติลดดอกเบี้ยกระตุ้นจีดีพีต่อ 0.5-0.75% ในการประชุมครั้งแรกของปีนี้ หวังช่วยบรรเทาผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยลงในครึ่งปีแรก ก่อนที่นโยบายการคลังจะส่งผลกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริงครึ่งปีหลัง เชื่อว่าธปท.ลดดอกเบี้ยต่อเนื่องถึง 1% ในช่วงกลางปีก่อนหยุดรอดูสถานการณ์เศรษฐกิจ
- การประชุมคณะรัฐมนตรี และครม.เศรษฐกิจในวันที่ 13-14 ม.ค.นี้ รัฐบาลจะออกมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติม
- รมว. คลัง เผยหลังจากได้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) คนใหม่แล้ว กระทรวงการคลังพร้อมร่วมมือกับกทม. เพื่อเดินหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าหลาย เส้นทาง โดยพร้อมจัดหาแหล่งเงินทุนรองรับการก่อสร้างโครงการที่กทม. มีส่วนร่วมในการบริหาร และก่อสร้างทั้งรถไฟฟ้าเส้นทาง สีเขียว หมอชิต-สะพานใหม่ และเส้นทางด้านตะวันออก แบริ่ง-สมุทรปราการ
- รมว.คลัง เปิดเผยว่า รัฐบาลจะนำเงินคงคลังมาใช้จ่ายเพื่อชดเชยการจัดเก็บรายได้ของภาครัฐในปีงบประมาณ 52 ที่ต่ำกว่าเป้าหมายราว 1.2-1.3 แสนล้านบาท ซึ่งตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่กำหนดไว้ว่าการจัดทำงบประมาณครั้งต่อไปให้ตั้งงบประมาณมาชดเชยเงินคงคลังที่ใช้ไป อีกทั้งจะมีงบที่ใช้ชดเชยดังกล่าวปรากฎในงบกลางปีด้วย
- สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ได้ตัดสินใจเลื่อนแผนการขายพันธบัตรออมทรัพย์ให้กับประชาชนในปีงบประมาณ 2552 วงเงิน 6 หมื่นล้านบาท ออกไปอย่างไม่มีกำหนด เนื่องจากภาวะอัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาลง การออกพันธบัตรออมทรัพย์ในช่วงดอกเบี้ยต่ำจะไม่จูงใจประชาชน
- รมว.พาณิชย์ ได้มอบนโยบายให้กรมการค้าต่างประเทศ ไปผลักดันเพิ่มมูลค่าการค้าชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น มาเลเซีย กัมพูชา ลาว พม่า เพื่อทดแทนรายได้จากการส่งออกในตลาดอื่นที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก โดยตั้งเป้าการค้าชายแดนปี 2552 จะเพิ่มเป็น 8.21 แสนล้านบาท จากปี 2551 มีรายได้กว่า 7 แสนล้านบาท
- สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (สบพ.)พร้อมจะเข้าไปดูแลราคาขายปลีกน้ำมัน ภายหลังมีการยกเว้นเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันถึงสิ้นเดือนม.ค. 2552 ตาม 6 มาตรการ 6 เดือนของรัฐบาล ซึ่งประเมินจากสถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ยังมีฐานะเป็นบวกอยู่ 3,438 ล้านบาท แต่ไม่รวมภาระหนี้ที่ต้องไปจ่ายคืนปตท. ในการนำเข้าก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) กว่า 8,000 ล้านบาท