บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร(CPF)อัดงบการตลาดเพิ่มเป็น 150 ล้านบาทในปีนี้ พร้อมทั้งขยายสาขาร้านซีพีเฟรชมาร์ทอีกกว่า 300 สาขา รองรับผลิตภัณฑ์อาหารใหม่ ๆ ของซีพีที่เตรียมส่งวางตลาดไตรมาสละ 5-10 เมนู หวังชิงส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นอีก 3-5% จากที่เคยมี 25-30% พร้อมเจาะตลาดต่างประเทศ
นายสุพัฒน์ ศรีธนาธร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสด้านการตลาด CPF กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทคงจะให้ความสำคัญในการตลาดมากขึ้น โดยวางงบการตลาด 150 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ใช้งบการตลาด 100 ล้านบาท เนื่องจากในปี 52 นี้บริษัทจะมีการออกสินค้ามากขึ้น
บริษัทวางแผนว่าจะมีผลิตภัณฑ์อาหารออกมาไตรมาสละ 5-10 เมนู ซึ่งจะทำให้ส่วนแบ่งการตลาดอาหารแปรรูปปรับตัวเพิ่มขึ้น 3-5% จากปี 51 ที่มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 25-30% รวมทั้งจะให้ความสำคัญในการทำกิจกรรมทางการตลาดเพื่อให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในทุกกลุ่ม ซึ่งหากเดินตามมาตรการที่วางไว้ เชื่อว่าจะทำให้เป้าหมายการขายเป็นไปอย่างที่ตั้งไว้
"สถานการณ์เศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้บริษัทจะต้องทำงานมากขึ้น ปกติจะตั้งเป้าโตไม่น้อยกว่าตลาด แต่ภายใต้สถานการณ์อย่างนี้เราคงจะมีการประเมินและปรับแผนทุกเดือนเพื่อให้สอดคล้องแต่ละไตรมาส" นายสุพัฒน์ กล่าว
นายสุพัฒน์ กล่าวต่อว่า การที่บริษัทให้ความสำคัญในการสร้างแบรนด์อาหารของซีพีก็เชื่อว่าในปีนี้จะยังรักษายอดขายเติบโตได้เฉลี่ย 10-15% ในทุกผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะอาหารสำเร็จรูปประเภทกุ้งที่บริษัทจะมีสินค้าออกมาใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น นอกเหนือจากเกี๊ยวกุ้ง ได้แก่ เกี๊ยวกุ้งราดน้ำมันงา และบะหมี่กุ้ง ขณะที่ ยังไม่มีแผนปรับราคาสินค้าภายใต้สถานการณ์ขณะนี้
ส่วนการทำกิจกรรมการตลาดในต่างประเทศนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการทำแผน แต่เบื้องต้นคาดว่าจะใช้งบประมาณ 80-100 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในระดับใกล้เคียงปีก่อน แต่การเจาะในตลาดต่างประเทศนั้นจะเน้นที่ ฮ่องกง สิงคโปร์ สหรัฐฯ และอังกฤษ โดยจะเน้นกุ้ง และ Ready Meal เป็นหลัก
ด้านนายจักร์ชัย นุชประยูร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ซีพีเอฟ เทรดดิ้ง จำกัด ดูแลกิจการร้านซีพีเฟรชมาร์ท เปิดเผยว่า ซีพีเฟรชมาร์ทมีแผนจะเพิ่มสาขาให้ได้ 800 สาขาในสิ้นปี จากปัจจุบัน 495 สาขา และจะเพิ่มขึ้นเป็น 1,000 สาขาใน 2-3 ปีข้างหน้า โดยลงทุนเฉลี่ยต่อแห่งประมาณ 7.5 แสนบาท-1 ล้านบาท โดยสาขาที่เพิ่มขึ้นจะแบ่งเป็นในกทม.และต่างจังหวัดมีสัดส่วน 50:50
การขยายสาขาดังกล่าวจะเป็นการสอดรับภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจที่ชะลอ ทำให้ผู้บริโภคหันมาบริโภคอาหารที่มีความสะดวกประหยัดเวลามากขึ้น และในปีนี้บริษัทเองก็จะมีสินค้าเพิ่มขึ้นด้วย นอกเหนือจากซีพีแบรนด์ และจะมีการเพิ่มสินค้าของซีพี เฟรชมาร์ทที่ระดับราคา 35-39 บาท/มื้อ
จากการขยายสาขาเพิ่ม ทำให้มองว่า ยอดขายของซีพีเฟรชมาร์ทปีนี้จะเพิ่มเป็น 5 พันล้านบาทจากปี 51 ที่ 3 พันล้านบาท โตจากสาขาใหม่ และสินค้าที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ซีพีเฟรชมาร์ทจะมีการปรับปรุงร้านค้าเพื่อให้เหมาะกับวัยรุ่นมากขึ้น เชื่อว่าจะทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นด้วย
ขณะที่ในส่วนต่างประเทศได้อยู่ระหว่างทดลองและสามารถเติบโตได้ดี ไม่ว่าจะเป็นที่เวียดนาม ซึ่งมี 40-50 ร้าน ที่มาเลเซีย ประมาณ 20-30 ร้าน และที่พม่า
ขณะที่ร้านฟาสท์ฟู้ด"เชสเตอร์ กริลล์"มีการปรับแผนสอดรับพฤติกรรมผู้บริโภค โดยนายสุวัฒน์ ทรงพัฒนะโยธิน รองกรรมการผู้จัดการ ด้านปฏิบัติการ บริษัท เชสเตอร์ ฟู้ด จำกัด กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทได้ปรับแผนโดยการหันมาเน้นอาหารทานแล้วอิ่ม จากปีก่อนเน้นทานเล่น เพื่อรองรับกับเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภค
ที่ผ่านมายอดขายในแต่ละสาขาก็เติบโตได้ดี จะมีเพียงเดือนธ.ค. 51 ที่ยอดขายเสมอตัว เพราะคนออกต่างจังหวัดในช่วงปีใหม่ แต่พอตั้งแต่ต้นปีก็กลับมาเป็นปกติ ทำให้มองว่ายอดขายในปีนี้จะมากกว่า 1.4 พันล้านบาทจาก 1.2 พันล้านบาทในปีก่อน โดยการเติบโตในปีนี้ยังมาจากการเติบโตในร้านเดิมและการขยายสาขาเพิ่มจำนวน 20 สาขา และในปีนี้ได้วางงบการตลาดไว้ 50 ล้านบาทในการกระตุ้นการเข้ามาซื้อและจัดเป็นเมนูเซ็ตมากขึ้น