(เพิ่มเติม) SVH ชะลอแผนลงทุนพัน ลบ.,คาดปี 52 รายได้โต 8-10% ต่ำกว่าปี 51

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday January 12, 2009 17:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.สมิติเวช(SVH) ชะลอแผนลงทุนกว่า 1 พันล้านบาทเพื่อปรับปรุงกิจการด้านต่าง ๆ และ แผนกจักษุ และ ทันตกรรมที่รพ.สมิติเวช สุขุมวิท ออกไปก่อนหลังจากที่เลื่อนมาแล้วจากปีก่อน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวส่งผลกระทบต่อรายได้ในปี 52 ที่คาดว่าจะเติบโตเพียง 8-10% จากปีก่อนที่เติบโต 15-16% ทำให้บริษัทต้องการถือเงินสดไว้เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งบริษัทก็จะยังไม่สามารถจ่ายเงินปันผลจากผลประกอบการงวดปี 51 ด้วย

นายเรมอนด์ ฌอง กรรมการผู้จัดการและ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SVH คาดว่า อัตรากำไรสุทธิ (Net Profit) ในปี 52 จะเพิ่มเป็น 10.00% จากปี 51 ที่อยู่ในอัตรา 9.00-9.40% เนื่องจากบริษัทบริหารต้นทุนได้ดี และสามารถนำเครื่องมือแพทย์ใช้ร่วมกันในโรงพยาบาลทั้ง 3 แห่งที่ศรีราชา , สุขุมวิท และ ศรีนครินทร์ โดยในส่วนรพ.สมิติเวช ศรีนครินทร์ มี EBITDA เป็นบวก และมีแนวโน้มที่อัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้น หลังจากสนามบินสุวรรณภูมิกลับมาเปิดจากก่อนหน้าในช่วงปิดสนามบิน มีจำนวนคนไช้ลดลง 10%

ทั้งนี้ SVH ประกาศใช้แคมเปญ"ตรึงราคา-ลดค่าห้อง 30%" เริ่มตั้งแต่มกราคม-มิถุนายนนี้ โดยนโยบายตรึงราคาค่าบริการทางการแพทย์ต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา เพื่อผ่อนภาระของผู้บริโภคในช่วงที่วิกฤตทางเศรษฐกิจกำลังก่อตัว นอกจากนี้ ในช่วงดังกล่าว SVH จะให้ส่วนลดค่าห้องพัก 30% อีกด้วย และคาดว่าจะมีจำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น 5%

"โรงพยาบาลต้องการจัดกิจกรรมที่เป็นประโยชน์กับลูกค้าและทุกคนที่เกี่ยวข้องในโอกาสครบรอบปีที่ 30 จึงได้จัดแคมเปญนี้ขึ้น" กรรมการผู้จัดการและ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SVH กล่าว

ทั้งนี้ในปี 52 สมิติเวชจะให้ความสำคัญลูกค้าต่างประเทศ คาดว่าสัดส่วนจะเพิ่มเป็น 42% จากปี 51 ที่มีสัดส่วน 40% โดยลูกค้าต่างชาติส่วนใหญ่เป็นชาวญี่ปุ่น

"ในปี 52 สมิติเวช ยังคงให้ความสำคัญในการดูแลผู้ที่มารักษาไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือต่างประเทศ และเราก็จะพยายาม keep ลูกค้าญี่ปุ่น ให้มากขึ้นและต่อเนื่อง(สมิติเวช สุขุมวิท) ขณะที่ที่ศรีนครินทร์ตอนนี้ก็มีสัญญาณในทางที่บวกแล้ว และเราก็น่าจะเห็นดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ภายใต้เศรษฐกิจที่ชะลอตัว เราก็ต้องเผื่อใจไว้บ้าง" นายเรมอนด์ กล่าว

นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษาข้อดี-ข้อเสียของการออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เนื่องจากฟรีโฟลตอยู่ในระดับต่ำ เพราะมีผู้ถือหุ้นรายย่อยถือหุ้นอยู่เพียง 7.04% เท่านั้น ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงไตรมาส 2/52 หรือในการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี โดยเบื้องต้น มองว่าหากออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนจะทำให้บริษัทไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ซึ่งจะทำให้ต้นทุนบริษัทอาจเพิ่มขึ้น

ปัจจุบัน บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ ถือหุ้นใหญ่ 93% และมีความจำนงนำหุ้น SVH ออกจากตลาดหลักทรัพย์



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ