ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กวิตกผลประกอบการเอกชน ฉุดดาวโจนส์ปิดร่วง 125.21 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday January 13, 2009 06:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (12 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าผลประกอบการไตรมาสสี่ของบริษัทเอกชนที่จะเริ่มทยอยเปิดเผยในสัปดาห์นี้ จะลดลงเกินความคาดหมาย นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ที่ดิ่งลงกว่า 3 ดอลลาร์ยังสะท้อนให้เห็นว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยทำให้ความต้องการพลังงานและราคาหุ้นกลุ่มพลังงานทรุดตัวลงด้วย

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วงลง 125.21 จุด หรือ 1.46% แตะที่ 8,473.97 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 20.09 จุด หรือ 2.26% แตะที่ 870.26 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดลบ 32.80 จุด หรือ 2.09% แตะที่ 1,538.79 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.31 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 3 ต่อ 2 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 1.81 พันล้านหุ้น

บาร์นี แมคกินน์ ประธานบริษัทแมคกินน์ อินเวสท์เมนท์ เมเนจเมนท์ กล่าวว่า ที่ผ่านมานั้นเมื่อราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงจะเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นนิวยอร์ก เพราะราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นร้อนแรงมักก่อให้เกิดความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ แต่ปัจจุบันราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงอย่างต่อเนื่องสะท้อนให้เห็นถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่ชัดเจน เนื่องจากผู้บริโภคลดการใช้จ่ายลง ซึ่งตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคถือเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

นักลงทุนกระหน่ำขายหุ้นอย่างหนักนับตั้งแต่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (non farm payroll) ประจำเดือนธ.ค.ปี 2551 ร่วงลง 524,000 ตำแหน่ง ส่งผลให้ตัวเลขว่างงานโดยรวมตลอดปี 2551 มีอยู่ทั้งสิ้น 2.6 ล้านตำแหน่ง ขณะที่อัตราว่างงานพุ่งขึ้นแตะระดับ 7.2% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี

ตัวเลขจ้างงานในสหรัฐทรุดตัวลงทุกภาคส่วนในระบบเศรษฐกิจ โดยในภาคอุตสาหกรรมลดการจ้างงาน 791,000 ตำแหน่งนับตั้งแต่เศรษฐกิจสหรัฐเริ่มเข้าสู่ภาวะถดถอยครั้งแรกในเดือนธ.ค.ปี 2550 ขณะที่การจ้างงานในภาคการก่อสร้างลดลง 101,000 ตำแหน่ง ภาคบริการ 81,000 ตำแหน่ง ภาคค้าปลีก 67,000 ตำแหน่ง และค้าส่ง 30,000 ตำแหน่ง

นักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าผลประกอบการไตรมาสสี่ของบริษัทจดทะเบียนในวอลล์สตรีทจะทรุดตัวลง โดยเฉพาะบริษัทที่ออกมาปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รวมถึงบริษัท อัลโค อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตอลูมิเนียมรายใหญ่ของโลกที่ประกาศลดกำลังการผลิตเป็นครั้งที่ 3 และเตรียมปลดแรงงานทั่วโลก 13,500 คน หลังความต้องการและราคาอลูมิเนียมร่วงลงอย่างหนัก

หุ้นกลุ่มการเงินร่วงลงหลังจากมีรายงานว่าซิตี้กรุ๊ปใกล้จะทำข้อตกลงเพื่อรวมธุรกิจสมิธ บาร์นีย์เข้ากับธุรกิจโบรกเกอร์ของมอร์แกน สแตนเลย์ ซึ่งหากสำเร็จจะทำให้เกิดบริษัทโบรกเกอร์รายย่อยที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่นักลงทุนกังวลว่าภาวะขาดแคลนเงินสดอาจบีบให้ซิตี้กรุ๊ปจำต้องขายหนึ่งในสินทรัพย์ที่ดีที่สุดของบริษัทออกไป ซึ่งความกังวลดังกล่าวส่งผลให้หุ้นซิตี้กรุ๊ปร่วงลง 17%

ขณะที่หุ้นอัลโคดิ่งลง 6.9% หุ้นเชฟรอน ร่วงลง 2.8%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ