ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (13 ม.ค.) ซึ่งเป็นการปิดลบติดต่อกัน 5 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มธนาคารหลังจากมีสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจอังกฤษกำลังถดถอยรุนแรงขึ้น
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ปิดลบ 27.04 จุด หรือ 0.61% แตะที่ 4,399.15 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 4,321.34-4,426.19 จุด
มาร์ค บอนด์ นักวิเคราะห์จากแคนาดา ไลฟ์ กล่าวว่า หุ้นกลุ่มธนาคารถูกเทขายหลังจากผลสำรวจของสมาคมหอการค้าอังกฤษบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจอังกฤษในช่วงไตรมาส 4 ร่วงหนักสุดในรอบกว่า 20 ปี ขณะที่ยอดขายบ้านร่วงหนักสุดในรอบกว่า 30 ปี เนื่องจากเศรษฐกิจโลกถดถอยลงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่สมาคมอุตสาหกรรมแห่งอังกฤษ (CBI) เปิดเผยว่า ผลผลิตอุตสาหกรรมของอังกฤษลดลง 2.9% ในเดือนพ.ย.
หุ้นธนาคารบาร์เคลย์ส ดิ่งลง 10% หุ้นธนาคารลอยด์ ทีเอสบี ร่วงลง 5.5% หุ้นธนาคารรอยัล แบงค์ ออฟ สก็อตแลนด์ (RBS) ร่วงลง 7.1% โดยหุ้น RBS ได้รับแรงกดดันจากข่าวที่ว่า ธนาครอาจขาดทุน 3.47 พันล้านดอลลาร์สหรัฐหลังจากที่ได้ปล่อยเงินกู้ก้อนใหญ่ที่สุดให้กับไลออนเดลล์ เคมิคอล โค (Lyondell Chemical Co.) ซึ่งบริษัทด้านธุรกิจเคมีภัณฑ์ของสหรัฐที่ล้มละลาย ขณะที่ซิตี้กรุ๊ปคาดว่า RBS อาจขาดทุน 1.4 พันล้านดอลลาร์จากการออกเงินกู้ 2 พันล้านดอลลาร์ให้กับไลออนเดลล์ เคมิคอล
หุ้นเชลล์ ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานรายใหญ่ของยุโรป ดีดตัวขึ้น 1.6% บีพีปิดบวก 1.3% หลังจากราคาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นดีดตัวขึ้น 19 เซนต์ ปิดที่ 37.78 ดอลลาร์/บาร์เรล จากข่าวที่ว่าซาอุดิอาระเบียได้ลดปริมาณการผลิตน้ำมันลง 1.7 ล้านบาร์เรล/วันนับตั้งแต่ฤดูร้อนปีที่แล้ว และซาอุดิอาระเบียวางแผนจะปรับลดปริมาณการผลิตลงอีกในเดือนก.พ.