SPALI เผย"ตั้งมติธรรม"จะยื่นเทนเดอร์ฯ ที่ 2.12 บ./หุ้น หลังถือเกิน 25%

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday January 14, 2009 10:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ศุภาลัย (SPALI) เปิดเผยว่า นายประทีป ตั้งมติธรรม ซึ่งเป็นประธานกรรมการบริหารของบริษัท จะเสนอซื้อหุ้นบริษัทจำนวนไม่เกิน 60 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 2.12 บาท

หลังจากได้รับซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นของบริษัทตามคำเสนอซื้อหุ้นบางส่วนดังกล่าว แล้ว นายประทีปและนางอัจฉรา ตั้งมติธรรม รวมทั้งบุคคลตามมาตรา 258 จะถือหุ้นในบริษัทจำนวนไม่เกิน 487,425,644 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 30.33 ของ สิทธิออกเสียงทั้งหมดของบริษัท (ณ วันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2551)

จากปัจจุบันนายประทีป และนางอัจฉรา ถือหุ้นสามัญของบริษัทฯจำนวน 322,655,744 หุ้นและ 90,188,200 หุ้น ตามลำดับ รวมกันเป็นจำนวน 412,843,944 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 25.69 ของจำนวนสิทธิออกเสียงทั้งหมดของบริษัท ณ วันที่ 30 ธันวาคม 2551 (หลังหักหุ้นทุนซื้อคืน)

คณะกรรมการบริษัท จึงได้กำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2552 เพื่อพิจารณาการทำคำเสนอซื้อหุ้นบางส่วนของบริษัทดังกล่าว และกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในการเข้าประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่1/2552 ในวันที่ 28 มกราคม 2552 และให้รวบรวมรายชื่อตาม ม.225 ของพรบ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์โดยวิธีปิดสมุดทะเบียนในวันที่ 29 มกราคม 2552

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติอนุมัติให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่บริษัท ภูเก็ตเอสเตท จำกัด (ถือหุ้น 69.45%) โดยให้กู้ยืมเงินเพิ่มอีกวงเงิน 60 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน

ทั้งนี้ จะให้เป็นตั๋วสัญญาใช้เงิน ไม่มีหลักประกัน อัตราดอกเบี้ย MLR เฉลี่ยของ 4 ธนาคารใหญ่และเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ไม่ต่ำ กว่าต้นทุนเงินกู้ยืมของ บมจ.ศุภาลัย ทั้งนี้การกำหนดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวจะกำหนดเป็นคราวๆไป โดยภาระหนี้เงินกู้รวมดอกเบี้ยสูงสุดรวมกับที่เคยได้รับอนุมัติเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 ไม่เกิน 100 ล้านบาท

โดยมีเงื่อนไขต้องชำระคืนภายใน 1.5 ปี และหากไม่สามารถชำระคืนภายในกำหนดเวลาหรือต้องการความช่วยเหลือทางการเงินอีกบริษัท ภูเก็ตเอสเตท จำกัด จะต้องเพิ่มทุนแทน

เหตุที่ให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่บริษัท ภูเก็ตเอสเตท จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจบ้านพักตากอากาศ เพื่อเช่าระยะยาวและโรงแรมที่ภูเก็ตจะเพิ่งเริ่มเปิดดำเนินงานประมาณ 2 ปี การดำเนินงานในช่วงแรกจะมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสูงกว่ารายรับ กอร์ปกับแม้ว่าช่วงนี้จะเป็นช่วง high season ก็ตามแต่นักท่องเที่ยวกลับลดลงมากเนื่องมาจากผลกระทบของการปิดสนามบินสุวรรณภูมิและภาวะเศรษฐกิจโลกที่ถดถอยอย่างรุนแรง ส่งผลให้รายรับไม่พอกับรายจ่าย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ