นายรณชิต มหัทธนะพฤทธิ์ รองประธานอาวุโสฝ่ายบริหารและการเงิน บมจ.โรงแรมเซ็นทรัล พลาซา(CENTEL) เปิดเผยว่า บริษัทลดงบลงทุนในปี 52 เหลือ 1.6-1.7 พันล้านบาท จากแผนเดิมที่ตั้งไว้ 2.6-2.7 พันล้านบาท
ทั้งนี้ เป็นการชะลอการลงทุนโรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ บีช รีสอร์ท ภูเก็ต มูลค่า 2 พันล้านบาท คาดว่าจะเลือนเปิดตัวไป 1 ปี จากแผนเดิมเปิดในปี 53 รวมทั้งการลดงบการปรับปรุงโรงแรมโซฟิเทล เซ็นทารา แกรนด์(ลาดพร้าว)เหลือ 800 ล้านบาทจากงบเดิม 1 พันล้านบาท และขยายระยะเวลาปรับปรุงเป็น 3 ปี จากแผนเดิมใช้เวลา 1.5 ปี
รวมทั้ง บริษัทต้องปรับปรุงแผนธุรกิจ โดยอาจชะลอการเทคโอเวอร์แบรนด์อาหารต่างประเทศออกไปก่อน เพื่อป้องกันความเสี่ยงทางธุรกิจ ภายใต้ผลกระทบวิกฤติเศรษฐกิจที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปีนี้
นอกจากนี้ ภายใต้ความเสี่ยงดังกล่าวบริษัทจะหันมารับบริหารโรงแรมมากขึ้น โดยตั้งเป้าที่จะเข้าไปบริหารโรงแรมในและต่างประเทศ 4 แห่ง เบื้องต้นได้เข้าบริหารโรงแรมในอินเดียแล้ว รวมทั้งกำลังจะแข้บริหารโรงแรมในมัลดีฟท์
และอยู่ระหว่างเจรจาบริหารโรงแรมที่เลห์แมน บราเธอร์ส ลงทุน 1-2 แห่งที่ ภูเก็ตและสมุย ซึ่งคาดว่าจะสร้างรายได้ในระยะยาว ดังนั้น บริษัทคาดว่าจะมีรายได้เพิ่มจากการเข้าบริหารโรงแรม 20% ภายใน 2-3 ปี
ส่วนที่เลห์แมนฯ ที่ถือหุ้นร่วมกับบริษัทในโรงแรมแห่งหนึ่ง เชื่อว่าทางเลห์แมนจะไม่ขายหุ้นออกมา โดยเลห์แมนฯ ถือหุ้นโรงแรม 2 แห่ง ได้แก่ โรงแรมกะตะภูเก็ต , โรงแรมกะรนภูเก็ต ในสัดส่วนแห่งละ 48 % มูลค่าเงินลงทุนรวม 240 ล้านบาท
นายรณชิต กล่าวว่า ในปี 52 บริษัทยังคงตั้งเป้ารายได้ที่ 9 พันล้านบาท จาก 8.1 พันล่านบาทในปี 51 เนื่องจากการเติบโตรายได้ของโรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ ที่เซ็นทรัลเวิลด์ ที่เปิดครบเต็มทุกพื้นที่ คาดว่าจะทำรายได้ 1,028 ล้านบาท จากปีที่แล้วทำรายได้ 516 ล้านบาท
รวมทั้งคาดว่าอัตราเข้าพักเฉลี่ยโรงแรมในเครือจะอยู่ที่ประมาณ 65% ซึ่งอยู่ในอัตราใกล้เคียงปีก่อน แต่ในปีนี้บริษัทจะเพิ่มลูกค้าในแถบอาเซียน เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย ฮ่องกง หลังจากที่กลุ่มลูกค้ายุโรปและสหรัฐมาน้อยลง รวมทั้งจะรุกตลาดนักท่องเที่ยวจีน รัสเซีย อินเดีย เพิ่มเติมเข้ามาด้วย
"เราได้บทเรียนจากผลกระทบในช่วงเกิดโรคซาร์ส ต่างชาติลดลง และก็เห็นว่าตลาดในประเทศมีบทบาทและสำคัญ ทำให้เราเลยหันมาให้ความสำคัญกับคนไทย และคนในแถบอาเซียนมากขึ้น ตอนนี้คนฮ่องกงจองห้องพักที่โรงแรมที่เซ็นทรัลเวิลด์เต็มแล้ว และภายใต้ความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ เราก็ควรจะป้องกันเอาไว้ ไม่ควรประมาท" นายรณชิต กล่าว
นายรณชิต กล่าวว่า บริษัทได้เตรียมแผนรองรับกรณีฉุกเฉินเพื่อรองรับปัญหาสภาพคล่องที่อาจเกิดขึ้นในปีนี้ โดยจะออกหุ้นกู้ วงเงิน 3.5-4.0 พันล้านบาท โดยจะเสนอต่อคณะกรรมการบริษัท และที่ประชุมผู่ถือหุ้นใน 1-2 เดือนข้างหน้า ถึงแม้ปัจจุบันบริษัทจะมีวงเงินกู้จากธนาคาพาณิชย์แล้วประมาณ 6 พันล้านบาทก็ตาม