ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ (14 ม.ค.) หลังจากมีข่าวว่าธนาคารเอชเอสบีซี โฮลดิ้งส์ จำเป็นต้องระดมทุนเพื่อพยุงกิจการ และการร่วงลงของราคาน้ำมันดิบได้ฉดหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ร่วงลงอย่างหนัก
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ปิดร่วงลง 218.51 จุด แตะที่ 4,180.64 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 4,115.43-4,426.47 จุด
โจชัว เรย์มอนด์ นักวิเคราะห์จากซิตี้ อินเด็กซ์ กล่าวว่า ดัชนี FTSE 100 ทรุดตัวลงอย่างหนักหลังจากนักวิเคราะห์ของมอร์แกน สแตนลีย์ คาดว่าธนาคารเอชเอสบีซี จำเป็นต้องระดมเงินทุนสูงถึง 3 หมื่นล้านดอลลาร์ และอาจต้องลดขนาดธุรกิจบางประเภท เนื่องจากผลประกอบการของธนาคารปรับตัวลดลง ซึ่งข่าวดังกล่าวฉุดหุ้นเอชเอสบีซีร่วงลง 8% หุ้นแมน กรุ๊ป ดิ่งลง 6.8%
ส่วนหุ้นธนาคารบาร์เคลย์สร่วงลง 14.4 % หลังจากบาร์เคลย์สประกาศปลดพนักงานอีก 2,100 ตำแหน่งเมื่อวานนี้ หลังจากเพิ่งประกาศปรับลดตำแหน่งงานลง 2,500 ตำแหน่งเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
หุ้นธนาคารรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ ร่วงลง 18.4% หุ้นธนาคาร HBOS ดิ่งลง 10.7% และหุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ทรุดตัวลง 13.5% ส่วนหุ้นธนาคารลอยด์ ทีเอสบีร่วงลง 11.9% หลังจาก S&P ลดอันดับความน่าเชื่อถือคู่ค้าระยะยาวของลอยด์ส ทีเอสบีลงสู่ระดับ AA- จากเดิมที่ระดับ AA
หุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ร่วงลงหลังจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกร่วงลงต่ำกว่าระดับ 38 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยหุ้นเชลล์ร่วงลง 5.1% หุ้นบีพีดิ่งลง 5.2%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนซบเซาลงหนักขึ้น หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่ายอดค้าปลีกประจำเดือนธ.ค.ปี 2551 ร่วงลง 2.7% มากกว่าที่นักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีทคาดไว้กว่า 2 เท่าที่ 1.2% เนื่องจากตัวเลขว่างงานที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงและภาคเอกชนที่ลดการจ้างงานอย่างต่อเนื่องได้บีบให้ผู้บริโภคลดการใช้จ่าย