ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียปรับตัวขึ้นเช้าวันนี้ ขณะที่เงินเยนอ่อนค่าและรายงานคาดการณ์ตัวเลขกำไรของบริษัท อินเทล คอร์ปในไตรมาสแรกของปีนี้จะปรับตัวขึ้น หลังจากที่ลูกค้าได้ซื้อสินค้าที่ยังขายไม่ได้ โดยก่อนหน้านี้มีการคาดการณ์ว่ากำไรของบริษัทจะร่วงลงอย่างหนัก
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 8,124.93 จุด บวก 101.62 จุด ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดตลาดบวก 8.71 จุด แตะ 1,928.92 จุด ในช่วง 15 นาทีแรกที่ตลาดเปิดทำการซื้อขายในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ดัชนีคอมโพสิตไต่ระดับขึ้น 10.62 จุด หรือ 0.96% แตะที่ 1,121.96 จุด ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงบวก 36.01 จุด หรือ 0.27% แตะ 13,278.97 จุด
บลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี MSCI Asia Pacific Index บวก 1.1% แตะ 83.95 จุด เมื่อเวลา 9.23 น.ตามเวลาในกรุงโตเกียว
หุ้นไฮนิกซ์ เซมิคอนดัคเตอร์ พุ่งขึ้น 4.6% หลังจากที่อินเทล เปิดเผยว่า ที่ส่งผลกระทบต่อรายได้อาจจะสิ้นสุดลงแล้ว และกำไรของบริษัทอาจจะปรับตัวขึ้นในปีนี้ ส่วนหุ้นบราเธอร์ อินดัสทรีส์ ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์สำนักงาน ทะยาน 6.9% หลังจากเงินเยนอ่อนค่า
โซอิชิโร่ มอนจิ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของไดว่า เอสบี อินเวสเมนท์ กล่าวว่า เงินเยนที่อ่อนค่าลงจะช่วยผลักดันหุ้นของบริษัทญี่ปุ่นให้ปรับตัวเพิ่มขึ้น ตอนนี้ ยังไม่มีข่าวคราวที่เป็นบวกเกี่ยวกับแนวโน้มรายได้ของบริษัทเอกชน ดังนั้นตลาดหุ้นวันนี้จึงยังไม่ดีดตัวขึ้นมากนัก
ทั้งนี้ อินเทล คอร์ป ผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่สุดของโลก เผยว่า ผลกำไรของบริษัทอาจกระเตื้องขึ้นหลังผ่านพ้นไตรมาสนี้ไป เนื่องจากลูกค้าเริ่มใช้สินค้าค้างสต็อกหมดบ้างแล้ว
อุปสงค์คอมพิวเตอร์ที่ร่วงหนักกดดันให้อินเทลต้องลดกำลังการผลิต ส่งผลให้กำไรลดลงตามไปด้วย แต่เมื่อบริษัทผลิตคอมพิวเตอร์ใช้สต็อกสินค้าที่มีอยู่จนหมดและสั่งสินค้าใหม่เพิ่ม อินเทลก็จะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตและทำกำไรได้มากขึ้น