นายปริน ชนันทรานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. แอปโซลูท อิมแพค (AIM) คาดว่า บริษัทจะสามารถนำหุ้นสามัญเพิ่มทุนขายให้กับประชาชนทั่วไป(IPO)ได้ราววันที่ 10-12 ก.พ.นี้ และนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) วันที่ 19 ก.พ.52
"บริษัทจะนำหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่จะขายให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) จำนวน 80 ล้านหุ้น เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ mai เป็นรายแรกของปี 2552 ถึงแม้ว่าบรรยากาศการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์จะยังไม่เอื้ออำนวยนัก แต่เชื่อว่าปัจจัยดังกล่าวจะไม่ใช่อุปสรรคในการเข้าระดมทุนครั้งนี้ เนื่องจากเชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐานของ AIM อีกทั้งเป็นธุรกิจที่มีอัตราการขยายตัวดีต่อเนื่องและผลประกอบการของบริษัท ในช่วงที่ผ่านมามีการเติบโตในอัตราสูง ดังนั้นหุ้นเพิ่มทุนของ AIM น่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน" นายปริน กล่าว
การระดมทุนในครั้งนี้ว่าจะนำไปใช้ในการขยายกิจการของ AIM ในด้านการขยายเครือข่ายที่มีอยู่แล้วให้กว้างขวางขึ้นและอีกส่วนหนึ่งเป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในกิจการและจากการระดม ทุนในครั้งนี้ไม่มีการนำเงินไปใช้หนี้ เนื่องจากปัจจุบันสัดส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E) ต่ำมากเมื่อเปรียบเทียบกับอุตสาหกรรมทั่วไป โดยงวด 9 เดือนปี 51 อยู่ที่ระดับ 0.08 เท่า
นายปริน กล่าวต่อว่า ได้วางตำแหน่งของ AIM เป็นบริษัทที่มีอัตราการเจริญเติบโตสูง (High Growth) เพราะเป็นธุรกิจใหม่ที่กำลังมีทิศทางการเติบโตที่ดี และเป็นบริษัทที่ยังมีขนาดเล็ก มีอัตราการเติบโตในช่วงที่ผ่านมาเฉลี่ยปีละ 30-40% และในระยะ 3-5 ปี ข้างหน้า ได้วางเป้าหมายให้รายได้และผลประกอบการมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องโดยคาดว่าจะสามารถทำให้มีการเติบโตในอัตราที่ดีกว่าเป้าหมายที่วางไว้
สำหรับทิศทางการเติบโตในปี 52 ก็คงไม่แตกต่างกัน เนื่องจากธุรกิจหลักของบริษัท คือ ธุรกิจสื่อที่อยู่ในห้างสรรพสินค้าหรือศูนย์การค้า (In-store Media) ซึ่งเป็นสื่อที่มีราคาค่อนข้างถูกมากเมื่อเทียบกับราคาสื่อโฆษณาต่างๆ ทั่วไปและมีผลต่อการตัดสินใจซื้อต่อผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายโดยตรง
นายชูพงษ์ ธนเศรษฐกร กรรมการผู้จัดการด้านวาณิชธนกิจ บล.แอ๊ดคินซัน (ASL) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้น AIM มั่นใจว่าหุ้นดังกล่าวจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างดี ถึงแม้บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยช่วงนี้จะไม่สดใสมากนัก แต่ AIM เป็นบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและประกอบธุรกิจสื่อมีเดียที่มีราคาถูกและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากเหมาะสำหรับภาวะเศรษฐกิจในช่วงที่ชะลอตัว ซึ่งผู้ประกอบการหรือผู้บริโภคจะลดค่าใช้จ่าย