กบข.เล็งทยอยเพิ่มลงทุนตลาดหุ้นไทยหลัง บจ.ประกาศงบ Q4/51

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday January 20, 2009 11:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิสิฐ ตันติสุนทร เลขาธิการ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า กบข.กำลังพิจารณาจะทยอยเพิ่มการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้นเป็น 9.5% จาก 7.5% ในปัจจุบันหรือคิดเป็นเม็ดเงินอีก 6,000 ล้านบาท จากในช่วงกลางปี 51 ที่ได้ทยอยลดการลงทุนในหุ้นลงเนื่องจากมองเห็นว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกและเสถียรภาพทางการเมืองในประเทศ

นายวิสิฐ กล่าวว่า กบข.จะรอให้บริษัทจดทะเบียนประกาศงบการเงินไตรมาส 4/ 51 ออกมาก่อน เพื่อให้เห็นตัวเลขต่างๆ ในการเลือกลงทุนได้อย่างเหมาะสม โดย กบข.มองว่าตลาดหุ้นไทยยังน่าสนใจ แม้ภาพรวมจะอ่อนตัวลง แต่อัตราการจ่ายเงินปันผลของบริษัทจดทะเบียนอยู่ในแนวโน้มที่ดีกว่าการฝากธนาคาร และค่าพีอียังอยู่ในระดับต่ำ

"หุ้นไทยคงต้องยอมรับว่าในปีนี้ไม่เหมือนปีก่อน การที่ถือเงินสดไว้จะทำให้เราพร้อมที่สุดหากเห็นโอกาส ซึ่งตัวที่จะชี้แนวโน้มตลาดหุ้นได้คงจะต้องรอดูการประกาศงบฯไตรมาส 4 และจะเห็นสัญญาณว่าหุ้นแต่ละตัวเป็นอย่างไร เราเองก็คงจะมองและพิจารณาการลงทุนหลังจากนั้น"นายวิสิฐ กล่าว

ปัจจุบัน กบข.มีสัดส่วนการลงทุนในหุ้น 13-14% แบ่งเป็นหุ้นไทย 7.5% ต่างประเทศ 6.5% โดย กบข. รายงานผลการดำเนินปี 51 มีสินทรัพย์สุทธิทั้งสิ้น 391,882 ล้านบาท

นายวิสิฐ มองว่าตลาดหุ้นไทยในปีนี้ยังผันผวนตลอดทั้งปี หลังจากอยู่ในภาวะทรงตัวในช่วงไตรมาส 1/52 เนื่องจากนักลงทุนคงจะรอดูสถานการณ์ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่กำลังจะประกาศออกมาเช่นเดียวกัน แต่คาดว่าผลประกอบการจะไม่ดีนักตามภาวะเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะกลุ่มพลังงาน

"ปีนี้ทั้งปีตลาดหุ้นไทยยังคงผันผวน ต้องยอมรับว่าตลาดหุ้นไทยพึ่งพาเม็ดเงินจากต่างประเทศในระดับดสูง หากต่างประเทศฟื้นตัว เม็ดเงินการลงทุนคงจะยังไม่มาไทย เพราะว่าเป็นตลาดขนาดเล็ก และมีความผันผวนสูง"นายวิสิฐ กล่าว

นายวิสิฐ กล่าวว่า ในปีนี้การพิจารณาการลงทุนของกบข.คงจะแตกต่างจากในปีที่ผ่านมา โดยจะพิจารณาทิศทางและผลประกอบการ ถึงแม้ผลงานของบริทจดทะเบียนจะปรับตัวลดลง 20% แต่มองว่าอัตราผลตอบแทนยังอยู่ในอัตราสูง ซึ่ง กบข.ก็ยังไม่ลดสัดส่วนการลงทุนในหุ้นพลังงาน แม้จะเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบอย่างมากจากภาวะเศรษฐกิจเป็นวัฎจักรของธุรกิจ เชื่อว่าจะกลับมาฟื้นตัวในไม่นาน

"เดิมมอง Dividend 15% แต่ตอนนี้ถ้าได้ 8% ก็น่าสนใจแล้วภายใต้สถานการณ์เป็นแบบนี้ดีกว่าฝากแบงก์ รวมทั้งดูการเติบโตของบริษัทด้วยให้ดูบริษัทที่อยู่รอดได้ ซึ่งหากบริษัทไหนตัวการเติบโตลดลงบ้างก็เป็นเรื่องปกติเพราะเป็นช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดี"นายวิสิฐ กล่าว

ส่วนมาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลจะเสนอเข้าคณะรัฐมนตรีวันนี้ เชื่อว่ามาตรการที่ออกมาจะช่วยแบ่งเบาภาระภาษีให้กับภาคธุรกิจ และภาคประชาชนและจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในส่วนของกำลังซื้อได้ การกระตุ้นเศรษฐกิจจะเห็นผลหรือไม่นั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับต่างประเทศด้วยว่าจะมีปัญหาอีกหรือไม่ แต่การเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของนายบารัค โอบามานั้น น่าจะช่วยให้ปัญหาของสหรัฐฯ แก้ไขไปในทิศทางที่ดีขึ้น หลังจากที่ผ่านมามีการแก้ไปขมาพอสมควรแล้ว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ